มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย นำคณะสื่อมวลชนออกเดินทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือกับทริปที่สามของกิจกรรม “Mazda Caravan ปันสุข” โดยเดินทางด้วยขบวนรถยนต์มาสด้าสีแดง โซล เรด คริสตัล ร่วมจัดกิจกรรมจิตอาสาขยายโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนที่โรงเรียนบ้านสันทราย พร้อมเจาะกลยุทธ์เด็ดในการดำเนินธุรกิจผ่านมุมมองผู้บริหารหญิงเก่งคนรุ่นใหม่ของ “กลุ่มมาสด้าเชียงใหม่” ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายมาสด้าเก่าแก่ที่คร่ำหวอดในธุรกิจรถยนต์ และเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรของมาสด้าในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของรางวัล Master Dealer หรือผู้จำหน่ายและบริการยอดเยี่ยมแห่งปี ถึง 3 สมัย มาร่วมแบ่งปันวิธีคิดในการยึดหัวใจลูกค้าในภาคเหนือด้วยการบริการที่มากกว่าความสมบูรณ์แบบ เน้นความรวดเร็ว ฉับไว และทันท่วงที เพื่อส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า ตั้งเป้ายอดขายเติบโตเป็นอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามาสด้าได้เดินหน้าจัดกิจกรรม “Mazda Caravan ปันสุข” พร้อมนำคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาส่งมอบสื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา ทุนการศึกษา และเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลน พร้อมร่วมพูดคุยกับผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้าในจังหวัดต่างๆ รวม 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อแบ่งปันความสุขและเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการแบ่งปันอย่างยั่งยืน โดยทริปแรกได้เดินทางไปยังจังหวัดจันทบุรีในภาคตะวันออก ตามด้วยทริปที่สองไปยังจังหวัดขอนแก่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในครั้งนี้เป็นทริปที่สามเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่
กิจกรรม “Mazda Caravan ปันสุข” ครั้งที่สามนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 18 กันยายน 2563 โดยออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่จากกรุงเทพมหานคร ด้วยขบวนรถยนต์มาสด้าสีแดง โซล เรด คริสตัล ประกอบด้วย Mazda MX-5, Mazda2, Mazda3, Mazda CX-3, Mazda CX-30, Mazda CX-5 และ Mazda CX-8รวมทั้งหมด 11 คัน มุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่จุดหมายปลายทางจังหวัดเชียงใหม่ โดยระหว่างทางได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมผัสถึงสมรรถนะของรถยนต์มาสด้าเจเนอเรชั่นใหม่ภายใต้เครื่องยนต์สกายแอคทีฟครบทุกรุ่น ทั้งครอสโอเวอร์เอสยูวี รถยนต์นั่ง และรถสปอร์ตสมรรถนะสูง ที่ได้รับการออกแบบอันสง่างามภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ อันมีเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า ที่มาสร้างมิติใหม่แห่งการขับขี่ที่สนุกสนาน รวมระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร
เช้าวันรุ่งขึ้นคณะฯ ได้เดินทางไปสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารหญิงรุ่นใหม่ของกลุ่มมาสด้าเชียงใหม่ เกี่ยวกับกลยุทธ์ที่นำพาธุรกิจก้าวสู่ความสำเร็จ การันตีด้วยรางวัล Master Dealer หรือผู้จำหน่ายและบริการยอดเยี่ยมแห่งปีถึง 3 สมัย พร้อมแบ่งปันแนวคิดและการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ และออกเดินทางไปทำกิจกรรมจิตอาสาที่โรงเรียนบ้านสันทราย ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษา มีนักเรียนจำนวน 142 คน และครูจำนวน 9 คน เพื่อส่งมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา ทุนการศึกษา และร่วมเลี้ยงอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียน ก่อนที่จะเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
นางสาวนิศารัตน์ ศิริมหาราช รองผู้อำนวยการฝ่ายขายและฝ่ายบริการ บริษัท มาสด้า เชียงใหม่ จำกัด กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม “Mazda Caravan ปันสุข” โดยมาสด้าเชียงใหม่ได้เริ่มก่อตั้งสาขาแรกบนถนนเจริญเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2532 จนถึงปัจจุบัน หลังจากนั้นได้เดินหน้าขยายสาขา มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีโชว์รูมทั้งหมด 5 สาขา ประกอบด้วย สาขาลำพูน สาขามหิดล สาขาฝาง และล่าสุดสาขาถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ (สารภี) แห่งนี้ ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของกลุ่มมาสด้าเชียงใหม่ โดยมีพื้นที่ขนาดประมาณ 11 ไร่ หรือกว่า 17,000 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท พร้อมศูนย์ซ่อมตัวถังและสีที่ได้ลงทุนเพิ่มเติมไปอีกกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความพร้อมในการให้บริการที่เป็นเลิศแก่ลูกค้า และเป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรในจังหวัดเชียงใหม่ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่สนใจรถยนต์มาสด้าในเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง
สำหรับโชว์รูมมาสด้าเชียงใหม่ทั้ง 5 สาขา ได้ทุ่มงบประมาณในการลงทุนรวมกว่า 400 ล้านบาท ทำให้สามารถรองรับการบริการลูกค้าได้สูงกว่า 1,400 คันต่อเดือน รองรับงานซ่อมตัวถังและสีได้มากกว่า 200 คันต่อเดือน เรียกได้ว่าการให้บริการของมาสด้าเชียงใหม่นั้นค่อนข้างสมบูรณ์แบบและสะดวกสบายที่สุดของจังหวัด ลูกค้าสามารถนำรถเข้ามารับการบริการตั้งแต่การขาย งานบริการ งานอะไหล่ และงานซ่อมตัวถังและสีทุกอย่างจบในที่เดียวกัน หรือ one stop service อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย รวมถึงห้องรับรองที่กว้างขวาง พรั่งพร้อมด้วยทีมงานบริการและช่างเทคนิคที่ชำนาญการ
“จากประสบการณ์กว่า 31 ปี ที่มาสด้าเชียงใหม่ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจรถยนต์มาสด้า ทำให้เรามีช่างเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์จำนวนมากที่พร้อมให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ เราจึงได้นำจุดแข็งดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอด เพื่อเพิ่มทักษะและคุณภาพของช่างเทคนิคให้กับสาขาอื่นๆ ให้เกิดเป็นมาตรฐานที่ดีเทียบเท่ากัน นอกจากนี้ กลุ่มมาสด้าเชียงใหม่ยังบริหารงานด้วยการมอบนโยบายหลักสำคัญ คือ ความสุขของลูกค้าและทีมงานต้องมาเป็นลำดับแรกเสมอ เรามองว่าหากเราดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดจนลูกค้าเกิดความพึงพอใจ แล้วลูกค้าก็จะกลับมาใช้บริการเราอีก ในส่วนของพนักงานก็เช่นเดียวกัน เราบริหารงานด้วยหลักของ “ทีมเวิร์ค” เรามองว่าพนักงาน คือ เพื่อนร่วมงานเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกคนย่อมมีความสำคัญ เพราะทุกคนคือฟันเฟือง คือกลไกสำคัญที่ต้องเดินไปพร้อมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ในการส่งมอบการบริการที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า” นางสาวนิศารัตน์ กล่าว
“เนื่องจากรถยนต์มาสด้าในจังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้จำนวนงานบริการของศูนย์บริการและศูนย์ซ่อมตัวถังและสีเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นความท้าทายว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ ดังนั้น เราจึงเน้นการทำงานที่ผสมผสานระหว่างเจเนอเรชั่นเก่าและเจเนอเรชั่นใหม่ เพื่อให้ได้แนวทางที่ดีที่สุด โดยนำเอาระบบไอทีมาใช้อำนวยความสะดวกในการทำงานเพื่อให้ธุรกิจคล่องตัวมากขึ้น พร้อมกับนำระบบออนไลน์เข้ามาช่วยส่งเสริมด้านการขายและการตลาด ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพการให้บริการอยู่เสมอ โดยเฉพาะการบริการลูกค้าต้องให้เร็วที่สุด เพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจและยินดีที่จะกลับมาใช้บริการซ้ำจนเกิดการบอกต่อในกลุ่มลูกค้า และกลายเป็นความจงรักภักดีต่อแบรนด์มาสด้าเชียงใหม่ พร้อมวางเป้าหมายให้มาสด้าเชียงใหม่เป็นผู้จำหน่ายที่มียอดขายเติบโตเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัด ควบคู่ไปกับการส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าอย่างยั่งยืน” นางสาวนิศารัตน์ กล่าวเสริม
ตลาดรถยนต์มาสด้าเฉพาะภาคเหนือในปี 2562 ที่ผ่านมา ยอดขายรวมประมาณ 4,500 คัน กลุ่มมาสด้าเชียงใหม่ ขายได้จำนวน 700 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดมาสด้าในภาคเหนือประมาณ 15% สำหรับในปี 2563 นี้ ตัวเลขยอดขายในช่วง 8 เดือนแรก (เดือนมกราคมถึงสิงหาคม) มีจำนวนรวมประมาณ 1,500 คัน เฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ มียอดขายมาสด้ารวมประมาณ 600 คัน กลุ่มมาสด้าเชียงใหม่มียอดขายรวมกันประมาณ 300 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดในจังหวัดเชียงใหม่ 50% ภายในสิ้นปีนี้เรามีความมั่นใจอย่างยิ่งว่ารถยนต์มาสด้าจะยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้า โดยเฉพาะทางมาสด้ามีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ของ CX-3 รวมทั้งแคมเปญพิเศษสำหรับ BT-50 คาดว่ายอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 600 คัน หรือใกล้เคียงกับปี 2562 ที่ผ่านมา
ขบวนคาราวาน “MAZDA CARAVAN ปันสุข” ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้า และส่งมอบสื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา และทุนการศึกษา ให้แก่เด็กนักเรียนและประชาชนในจังหวัดต่างๆ ทั้ง 4 ภูมิภาคด้วยกัน โดยเริ่มจากจังหวัดจันทบุรีเป็นที่แรก และตามมาด้วยจังหวัดขอนแก่น และทริปนี้คือจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนทริปสุดท้ายคือจังหวัดกระบี่และอำเภอหาดใหญ่ โดยเริ่มแบ่งปันความสุขมาตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2563 นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาของมาสด้า คือ เพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี และเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนตลอดไป
สำหรับกิจกรรม “Mazda Caravan ปันสุข” ครั้งต่อไปนั้นจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดกระบี่และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 24 – 25 กันยายน 2563 เพื่อส่งต่อการแบ่งปันและส่งมอบความสุขไปยังผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคใต้ ตลอดจนให้กำลังใจผู้จำหน่ายรถยนต์มาสด้า เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยยั่งยืนตลอดไป