ในการที่จะเลือกซื้อรถยนต์ แต่ละคนย่อมมีเหตุผลที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะชอบดีไซน์ บางคนอาจจะชอบสมรรถนะ บางคนอาจจะเลือกจากประโยชน์การใช้สอย หรือว่าบางคนอาจจะมีเหตุผลที่แปลกแยกออกไป ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล
สำหรับซูซูกิ เซเลริโอ (SUZUKI CELERIO) นับเป็นรถยนต์ในแบบ “ซิตี้คาร์” ที่มีไซส์เล็ก กะทัดรัด แต่มีความไม่ธรรมดาในตัวเอง ซึ่งถ้าคนที่มองแค่ภายนอกอาจจะตีค่าให้ราคาเจ้าจิ๋วนี้ผิดไป เพราะถ้าคุณได้ทดลองขับใช้งาน คุณก็จะเข้าใจถึงตัวตนของมันอย่างแท้จริง… ซึ่งนั้นก็จะได้บทสรุปว่าคุณจะชอบ หรือไม่ชอบมัน !
SUZUKI CELERIO มี 3 รุ่นย่อยให้เลือกคือ รุ่น GL/MT ราคา 338,000 บาท, รุ่น GL/CVT ราคา 416,000 บาท และรุ่น GX/CVT ราคา 442,000 บาท
การดีไซน์ภายนอกที่อาจจะโดนหรือไม่โดนใจใคร ซึ่งจุดนี้เราจะไม่ตัดสินใจให้ เพราะมันเป็นเรื่องของความชอบในสายตาของแต่ละบุคคล แต่ถ้าใครคิดว่าจะรอเจ้าเซเลริโอโฉมใหม่ ก็ขอบอกว่า “ทำใจเลยจ้า”… เพราะจากแหล่งข่าวที่แจ้งมา ว่า ทางซูซูกิจะไม่นำเจ้าเซเลริโอโฉมใหม่เข้ามาขายอย่างแน่นอน เนื่องจากเงื่อนไขและราคาจัดจำหน่ายที่จะต้องสูงขึ้นอย่างมาก จนไม่น่าจะทำการตลาดในเมืองไทยได้ ดังนั้นใครที่ฝันว่าจะรอเจ้าเซเลริโอโฉมใหม่ ก็ตัดใจได้เลย
ภายในห้องโดยสารที่มีการดีไซน์แบบคุ้นเคย รูปแบบดูคล้าย ๆ พี่น้องในตระกูล การจัดเรียงปุ่มการใช้งานอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย สะดวกใกล้มือ แม้จะไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบไฮเทคต่าง ๆ มาให้งาน แต่มุมนึงก็น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบรรดาผู้ใหญ่ที่ชอบการใช้งานแบบง่าย ๆ ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก และเป็นอะไรที่คุ้นเคย แถมระบบแมนนวลสไตล์นี้ก็มีความทนทานแบบไม่ค่อยอยากจะเสียด้วย แต่ใครจะบอกว่าโบราณหรือเชยก็ไม่ว่ากัน แต่อย่างหนึ่งก็ต้องดูที่ราคารถด้วย เพราะเป็นรถยนต์ราคาต่ำก็มองข้ามที่จะบ่นได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นรถราคาสูง ๆ อันนี้ก็ต้องขอบ่นกันเยอะหน่อย
ส่วนจุดเด่นที่ถือว่าเกินตัว นั่นก็คือความกว้างขวางของภายในห้องโดยสาร ที่มีคนสูงเกือบ 180 เซนติเมตร กับน้ำหนักกว่า 150 กิโลกรัม มานั่งในรถแล้วไม่บ่นว่ารู้สึกอึดอัด หรือหัวติดหลังคา จุดนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นเพราะการเดินทางแบบผู้ใหญ่นั่ง 4 คน ก็จะให้ความสบายแบบไม่น่ามีใครบ่น เรียกว่าอย่าสบประมาทเพียงแค่จากการเห็นรูปทรงและขนาดจากภายนอก
แต่ถ้าด้านหลังจะนั่งสามคน ก็ขอคนตัวเล็ก ๆ หรือผอม ๆ ก็พอจะนั่งเบียดไหล่ไปกันได้อยู่ แต่เอาสบาย ๆ นั่งสองคนนี่แจ่มเลย
ส่วนสิ่งที่อยากได้เพิ่มก็คือที่ท้าวแขนกลางที่ด้านหน้า กับที่พับกระจกมองข้างแบบอัตโนมัติ
ด้านสมรรถนะที่มากับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร (998 ซีซี) แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว กำลังสูงสุด 68 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที รองรับเชื้อเพลิงได้ถึง E20 ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และแบบ CVT โดยจะส่งกำลังไปที่ล้อคู่หน้า
ตัวเลขจากกำลังเครื่องยนต์แม้จะดูไม่มาก แต่เมื่อมาอยู่ในรถบอดี้แบบนี้ บวกกับการเซ็ทติ้งที่ดีจากซูซูกิ มันจึงมีสมรรถนะในการใช้งานที่ค่อนข้างดี และน่าจะดีมากสำหรับใครบางคน อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งทำได้ค่อนข้างเร็ว แม้จะมีบางคนเคยถามว่าอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งมันมีความจำเป็นอย่างไร ก็ยกตัวอย่าง… ให้ลองนึกถึงในกรณีที่คุณต้องออกจากซอยริมถนนใหญ่ แล้วต้องรีบขับเข้าเลนขวาเผื่อไปต่อแถวกลับรถ ซึ่งอาจจะมีระยะทางไม่มากมายนัก ดังนั้นอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งที่ดีก็จะช่วยให้คุณมีจังหวะในการขับขี่ที่ดี ลดการเกิดอุบัติเหตุ และลดการทำให้เพื่อนร่วมถนนเสียจังหวะในการขับขี่ด้วย
การขับขี่ทั่วไปเมื่อใช้งานในเมือง ก็ถือว่าเป็นรถยนต์ที่ให้ความคล่องตัวสูงมาก เนื่องจากขนาดตัวถังที่เล็กกะทัดรัด วงเลี้ยวที่แคบ และการมีอัตราเร่งที่ค่อนข้างทันใจ เรื่องอัตราเร่งถือว่ามีดีเกินตัว การขับขี่สามารถไหลลื่นไปกับการจราจรได้อย่างคล่องแคล่ว ยิ่งช่วงการขับขี่ที่ต้องเจอกับแนวถนนที่มีการก่อสร้างทางรถไฟฟ้า ซึ่งจะต้องมีการบีบเลนให้เล็กลง และมีการเบี่ยงแนวถนนไปมา จุดนี้ถือว่าเจ้าเซเลริโอโชว์ความเด่นได้มาก เนื่องจากขนาดความกว้างของตัวถังที่มีน้อยก็จะไม่ต้องระวังด้านข้างจะไปเบียดที่กั้นหรือรถคันข้าง ๆ แบบขับไปเสียวไป
ส่วนช่วงล่างสำหรับการใช้งานในเมืองก็ถือว่าให้ความนุ่มสบาย มีการซับแรงกระแทกที่ดี (เมื่อพิจารณาจากขนาดและราคา) แต่แน่นอนว่ามันจะไม่นุ่มแน่นเท่ารถขนาดใหญ่ ๆ แต่มันก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเมื่อเทียบกับรถในพิกัดใกล้เคียงกัน การขับรูดพื้นหลุมบ่อที่ขรุขระจากการพังของพื้นถนน ช่วงล่างก็สามารถซับแรงได้ดีประมาณนึง และส่งอาการมาถึงห้องโดยสารและพวงมาลัยค่อนข้างน้อย แต่เสียงจากการกระแทกกับพื้นถนนก็ส่งเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างมากอยู่ถ้าขับรูดไปด้วยความเร็ว
ในช่วงความเร็วสูง พวงมาลัยจะให้ความรู้สึกเบา และมีอาการไวบ้าง ทั้งนี้ก็มาจากเงื่อนไขของขนาดตัวรถและขนาดหน้ายางที่ใช้ไซส์หน้ากว้างแค่ 165 ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีอาการให้รู้สึกกัน ส่วนช่วงความเร็ว 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงรถก็ยังมีอาการนิ่ง อาการพวงมาลัยไวเล็ก ๆ แต่ก็ยังสามารถคอนโทรลเข้าโค้งบนทางด่วนได้แบบไม่ต้องยกคันเร่ง (ถ้ารู้จักจังหวะรถดีพอ)
ส่วนในช่วงที่ลองความเร็วสูงสุดซึ่งทำได้ตามเรือนไมล์ที่ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงล่างเดิม ๆ ก็ยังสามารถรองรับได้อยู่ ซึ่งจุดนี้ไม่แนะนำให้ทำนะ แต่เราแค่ทดลองขับเพื่อนำข้อมูลมาบอกเล่า บอกต่อ ให้รู้ในแบบที่คุณผู้อ่านไม่ต้องเหนื่อยและไปลองเสี่ยงเอง
อัตราเร่งสำหรับการใช้งานทั่วไปถือว่าทำได้ดีนะ ไม่น่ามีใครบ่น เมื่อเทียบกับสไตล์ของตัวรถก็น่าจะถือว่าเกินตัวด้วยซ้ำ เรียกว่าเอามาขับใช้งานในเมืองนั้นอยู่ในขั้นสนุกเลยทีเดียว
อัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าขับแบบปกติไม่ใช้คันเร่งหนักพร่ำเพรื่อตัวเลขความสิ้นเปลืองที่จอจะเฉลี่ยอยู่ในช่วง 18-23 กิโลเมตรต่อลิตร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจรว่าติดมากหรือน้อยขนาดไหน ส่วนใครจะมาขับแล้วได้ตัวเลขที่ดีหรือด้อยกว่านี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับสไตล์ในการขับขี่ของแต่ละบุคคล และจากตัวเลขที่ได้ก็น่าจะตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละคนได้ดี
เฉลี่ยแบบคร่าว ๆ ก็กิโลละไม่ถึงสองบาท กับยุคที่น้ำมันราคาแพงแบบนี้ มันโอเคไหมสำหรับคุณ !?
แต่ถ้าซัดโหด ๆ มิดคันเร่งบ่อย ๆ และแช่ความเร็วสูงนาน ๆ เหมือนในช่วงที่เราลองเค้นดูสมรรถนะ ตัวเลขอัตราความสิ้นเปลืองก็จะตกมาอยู่แถว ๆ 10-13 กิโลเมตรต่อลิตร นะจ๊ะ
“ถ้าเท้าหนัก แล้วกระเป๋าเบา” ก็ต้องทำใจน๊า
ถ้าให้สรุปรวบรัดตัดความ เจ้าเซเลริโอก็จะมีความโดดเด่นในเรื่องความโปร่ง โล่ง ของห้องโดยสารที่นั่งแล้วไม่รู้สึกอึดอัด ความคล่องตัวในการใช้งานที่แสนจะสะดวกทั้งการขับขี่และหาที่จอด สมรรถนะการขับขี่ที่สอบผ่านแบบสบาย ๆ แถมด้วยความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะช่วยให้สบายกระเป๋า
ซึ่งข้อดีประมาณนี้ก็น่าจะตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรถคันแรกสำหรับนักเรียนนักศึกษาหรือคนเพิ่งเริ่มต้นทำงาน หรือจะเป็นรถของปู่ย่าตายายที่จะใช้ไปรับส่งหลานหรือใช้ทำธุระส่วนตัว แบบไม่ต้องปวดหัวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานแบบซับซ้อน หรือจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการรถยนต์มาใช้งานจริง ๆ ในชีวิตประจำวันในราคาที่ต่ำแบบเหมาะสม และไม่ต้องแบกภาระหรือมีความวุ่นวายในการใช้รถมาก…เจ้าเซเลริโอก็ถือว่าเป็นคำตอบที่น่าสนใจ
แต่ถ้าใครต้องการรถที่ไฮเทค ล้ำสมัย ฟังก์ชันการทำงานเยอะ ๆ สมรรถนะแรงจัดจ้าน ก็มองผ่านไปได้เลย เพราะมันไม่ตอบโจทย์แบบตรงรุ่นแน่นอน แต่ความต้องการแบบนี้ ก็หมายถึงงบประมาณในการเลือกซื้อก็ต้องอัพขึ้นด้วยเช่นกัน ก็ลองพิจารณาดูว่าชอบแบบไหน ก็ไปแบบนั้น “รถเรา เงินเรา ความสุขเรา” เราต้องเลือกเองครับ…