หลังจากที่มีการเผยโฉมของ MAXUS 9 ก็นับว่ามีกระแสที่ให้ความสนใจไม่น้อยทีเดียว หรือจะดูง่าย ๆ จากคนรอบตัวก็มากพอสมควรแล้ว ส่วนหนึ่งนั่นก็น่าจะมาจากกระแสรถ EV ที่กำลังมาแรง กับลักษณะของตัวรถที่เหมาะกับการใช้งานของใครหลายคน
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เราจะไม่รอช้า เมื่อทาง MG จัดกิจกรรม “MG EV FAMILY TRIP” ที่ได้ทำการนำฝูงรถ EV ในค่ายแบบครบทุกรุ่นมาให้ทำความรู้จัก แต่ไฮไลต์รุ่นที่ได้ทดลองขับนั่นคือ MAXUS 9 รถสไตล์ MPV แบบ EV กระแสแรงที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ
สำหรับรูปทรงการออกแบบภายนอก จุดนี้ตัดสินใจกันเองได้เลยตามรสนิยมความชอบ แต่มุมมองส่วนตัวรู้สึกว่ามันดูโดดเด่นและล้ำสมัยไม่น้อย ส่วนมิติตัวถังอยู่ที่ 5,270 x 2,000 x 1,840 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง) ระยะความยาวฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร และระยะต่ำสุดจากพื้นอยู่ที่ 140 มิลลิเมตร
เข้าสู่ช่วงแรกในการทดลองขับกับตำแหน่งผู้ขับขี่ ที่มีท่านั่งแต่ตำแหน่งที่ดี นั่งสบาย ทัศนวิสัยชัดเจน การใช้งานอุปกรณ์อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ไกลมือ แต่มันอาจจะมีความยากสำหรับการใช้งาน ถ้าผู้ขับขี่ยังไม่ได้ทำความคุ้นเคย หรือจดจำขั้นตอนการสั่งงานต่าง ๆ จากหน้าจอแบบสัมผัสได้
การใช้งานแบบสัมผัสบนจอ คล้าย ๆ การใช้งานแท็ปเล็ตเมื่อต้องมาสั่งการระบบต่าง ๆ ภายในรถ มันก็อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องง่ายของใครหลาย ๆ คน ยิ่งถ้าต้องใช้งานในระหว่างการขับขี่ การเล็งแตะบนจอก็ไม่ได้สามารถทำได้ง่าย ๆ ส่วนตัวยังคิดว่าสู้แบบพวกปุ่ม ๆ ไม่ได้ แต่ก็เชื่อว่าถ้าเมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ จนเกิดความคุ้นเคย มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยากในการใช้งาน
สำหรับการขับขี่จุดนี้ถือว่าค่อนข้างน่าประทับใจกับเรื่องของพละกำลัง ที่สามารถเรียกมาใช้งานได้อย่างทันอกทันใจ แม้จะมีผู้ร่วมเดินทางไปด้วยอีก 4 คน (พร้อมสัมภาระ) อัตราเร่งดีตั้งแต่การออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง หรือการขับแบบคลาน ๆ แล้วการจะเรียกอัตราเร่งมาใช้งานก็ทำได้เป็นอย่างดี นับเป็นรถโดยสารขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก แต่ให้ความกระฉับกระเฉงในการขับขี่ จึงเป็นส่วนให้มีความคล่องตัวในการใช้งาน
โดยสเปกตามข้อมูลจากผู้ผลิตของขุมพลังจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion จัดวางแบบ Cell To Pack ขนาดความจุ 90 kWh สามารถวิ่งในระยะทางสูงสุด 540 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
การขับขี่ในเมืองแบบการจราจรหนาแน่น ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะรถทัศนวิสัยดี อัตราเร่งที่เรียกมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว ก็เป็นส่วนช่วยได้มากสำหรับการขับขี่รถคันใหญ่ที่จะสามารถมุดไปตามช่องทางการจราจรในจังหวะที่เร่งรีบ ส่วนการขับขี่แบบเดินทางไกล หรือการขับแบบไปท่องเที่ยวพักผ่อน เจ้ารถรุ่นนี้ก็สามารถที่จะตอบสนองการขับขี่ได้เป็นอย่างดี
อัตราเร่งในช่วงความเร็วปานกลางจนไปถึงความเร็วสูง เจ้ามอเตอร์ไฟฟ้าก็ยังสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี อัตราเร่งที่ให้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก (เมื่อเทียบกับลักษณะรถ) การจะแซงพวกรถขับช้าแต่แช่ขวา ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว หรือการเร่งแซงพวกรถบรรทุกขนาดใหญ่ ก็ทำได้ดีอย่างหายห่วง โดยความเร็วตีนปลายเท่าที่ลองทำได้ตามสภาวะที่ปลอดภัย ก็ได้ตัวเลข 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่นะ ความรู้สึกว่ามันยังไปได้อีก แต่เอากันแค่พอท้วม ๆ ก่อนละกัน
ฟิลลิ่งพวงมาลัยก็ทำได้ดีนะ ความคมมีให้ดีพอประมาณ น้ำหนักในการใช้งานอยู่ในเกณฑ์กำลังดี ส่วนตัวค่อนข้างชอบ การขับขี่ในทางตรงไร้ปัญหา แต่สำหรับการเข้าโค้ง ถ้าเป็นโค้งปกติที่ใช้ความเร็วไม่สูง ก็อาจจะไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ถ้าใช้ความเร็วค่อนข้างสูง อาการของช่วงล่างก็จะส่งออกมาให้รู้สึก แต่นั่นก็เป็นการบ่งบอกว่าควรจะต้องลดความเร็วลงมาบ้างแล้ว
แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันไปไม่ได้นะ มันยังไปได้ แต่ก็ต้องใช้ทักษะการขับขี่ที่มากขึ้น
แต่มันก็ไม่ควรที่จะขับเข้าโค้งด้วยความเร็วอยู่แล้วไหม กับรถสไตล์แบบนี้ !!
สำหรับอัตราการบริโภคพลังงานไฟฟ้า อันนี้ขอบอกแบบคร่าว ๆ นะเพราะมีเวลาอยู่กับรถน้อย แต่โดยพื้นฐานของรถไฟฟ้าในยุคปัจจุบัน ก็จะพบว่าเมื่อเราใช้ความเร็วสูง การบริโภคไฟฟ้าก็จะสูงแบบตัวเลขลดเร็ว ซึ่งการใช้พลังงานก็จะมากขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อเทียบกับการใช้ความเร็วต่ำ ๆ
แต่ถ้าใช้ความเร็วต่ำ อัตราการบริโภคไฟฟ้าก็จะทำได้อย่างสวยงาม และจะทำให้ระยะทางรวมในการขับขี่เพิ่มมากขึ้นจนน่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานในเส้นทางต่าง ๆ แต่ถ้าใช้ความเร็วสูงบ่อย ๆ หรือขับแช่ที่ความเร็วสูงนาน ๆ ระยะทางที่คงเหลือในการขับขี่ก็จะลดหวบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ระบบเบรกก็ทำงานได้ดีนะ ขับขี่ได้อย่างมั่นใจกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะต้องพบเจอตามท้องถนน แต่ก็อย่าประมาทแล้วกัน เพราะแม้จะมีมอเตอร์ในการช่วยเบรกอีกแรง แต่ถ้าผู้ขับขี่ประมาท อะไรก็ช่วยไม่ได้
ส่วนครึ่งทางหลังได้เป็นผู้โดยสาร ที่ได้มีโอกาสนั่งเก้าอี้แบบ VIP ในแถวสอง อย่างแรกก็รู้สึกแปลก ๆ กับตำแหน่งเบาะที่สูงกว่ารถที่เคย ๆ นั่งอย่างรู้สึกได้ ขาจะลอย ๆ แต่บริเวณศีรษะกับหลังคายังมีระยะห่างที่มากพอสมควร และด้วยความสูงของเบาะ ก็จะทำให้เรามองผ่านศีรษะผู้ขับขี่ผ่านไปที่กระจกหน้าได้อย่างค่อนข้างเต็มตา ซึ่งน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน หรือกลุ่มคนที่ชอบเมารถอาจจะชอบสิ่งนี้
เบาะก็สามารถปรับตำแหน่งท่านั่งได้ด้วยระบบไฟฟ้า มีพัดลมเป่าเพื่อระบายอากาศ หรือจะปรับให้เป็นแบบระบบอุ่นเบาะก็ได้ และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือระบบนวดที่เค้าใส่มากให้ โดยการทำงานจะไม่ใช่แค่สั่น ๆ ให้พอรู้สึก แต่จะเป็นระบบนวดจริง ๆ ที่ค่อนข้างจะดีพอประมาณ ซึ่งสิ่งนี้น่าจะถูกใจคนชอบนวดไม่น้อย
ในตำแหน่งคนนั่งแถวสอง ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงล่างมันแข็งและกระด้างไปหน่อย นั่งไม่ค่อยสบายซะเท่าไหร่ ซึ่งจุดนี้อาจจะเป็นเพราะเส้นทางและการใช้ความเร็วของผู้ขับขี่ก็ได้ (หรือลมยางอาจจะแข็งไป) เนื่องจากเวลาในการทดลองนั่งมีน้อย เลยยังไม่อยากฟันธงอะไรไปแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ขอบอกตามความรู้สึกจริงที่ได้สัมผัสตามเหตุการณ์และช่วงเวลานั้น ๆ ก็แล้วกัน
ส่วนแถวสามยังไม่ได้มีโอกาสได้ลองนั่ง เนื่องจากเวลาจำกัด แต่ก็เดาได้ว่าไม่มีทางที่จะสบายไปกว่าเบาะแถวสองแน่ ๆ แต่ส่วนตัวชอบตำแหน่งผู้ขับขี่ที่สุดนะ นั่งสบายสุด ๆ แล้ว
สำหรับบทสรุปในครั้งนี้ ที่มีคนใกล้ตัวอยากรู้และให้ความสนใจกับรถยนต์รุ่นนี้มากพอสมควร เพราะไม่ว่าจะเอาไปใช้สำหรับรับส่งลูกไปโรงเรียน หรือจะเอาไปเป็นรถใช้งานในครอบครัว หรือจะนำมาเป็นรถประจำตำแหน่งสำหรับการเดินทาง ก็ขอบอกว่าเจ้า MAXUS 9 นั่นมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ถ้าคุณมีเงื่อนไขในการใช้รถที่เหมาะสมกัน
เช่น ถ้าคุณใช้รถในเส้นทางแบบประจำที่มั่นใจได้ในเรื่องจุดชาร์จไฟ หรือระยะทางที่เหมาะกับระยะทางที่รถวิ่งได้ ก็ถือว่ารถรุ่นนี้น่าสนใจมากนะ เพราะความอเนกประสงค์ของห้องโดยสารที่สามารถจะรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย สมรรถนะการขับขี่ที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะในเรื่องของอัตราเร่ง แถมยังสามารถนั่งรอลูกก่อนที่จะเลิกเรียนได้อย่างสบาย ๆ หรือจะทำงานรอในรถก็ไม่มีใครว่า เพราะไม่มีมลพิษจากไอเสียระหว่างการจอดรอแบบเปิดแอร์อย่างเย็นฉ่ำ
ส่วนอัตราความประหยัดของราคาเชื้อเพลิงในปัจจุบันก็ยังถือว่าพลังงานไฟฟ้ายังจ่ายในราคาที่ถูกกว่าเชื้อเพลิงแบบน้ำมัน
แต่บทสรุปสุดท้ายว่ารถรุ่นนี้จะเหมาะกับใคร หรือเหมาะกับคุณหรือเปล่า ก็ลองคำนวณความเหมาะสมด้วยตัวคุณเอง จากปัจจัยต่าง ๆ รอบด้าน เพราะเงื่อนไขของแต่ละบุคคลมันก็มีความต่างกัน “อย่าซื้อตามกระแส แต่ควรซื้อเพราะความเหมาะสม” แต่ถ้าซื้อแล้วมีความสุข ก็ซื้อไปเลยครับอย่าคิดมาก…