นายมิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากวิกฤติของโควิด-19 แม้การแพร่ระบาดในประเทศไทยจะเบาบางและคลี่คลายไปมาก แต่สถานการณ์ทั่วโลกและรอบประเทศยังคงมีความน่าเป็นห่วง กระทบต่อการตัดสินใจในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก จึงส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นไปเชื่องช้า โดยเฉพาะในตลาดรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วงครึ่งปีหลังยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายฝ่ายเองก็ต่างคาดหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ น่าจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
สำหรับตัวเลขยอดขายรถยนต์ในตลาดรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงเดือนมกราคม–กันยายน 2563 มียอดขาย 531,322 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ยังคงมีตัวเลขลดลงถึง 30.26% ส่วนทางด้านซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในเดือนกันยายน 2563 มียอดขาย 2,145 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 คิดเป็นอัตรา 112.60% และยอดขายรวมของรถยนต์ซูซูกิในช่วงเดือนมกราคม–กันยายน 2563 มียอดขายอยู่ที่ 17,451 คัน คิดเป็นอัตรา 94.82% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรุ่น
รุ่นรถ |
ยอดขาย |
SWIFT |
7,136 |
CELERIO |
2,856 |
CIAZ |
2,278 |
XL7 |
1,104 |
ERTIGA |
2,202 |
CARRY |
1,828 |
JIMNY |
47 |
รวม |
17,451 |
โดยรุ่นที่สร้างยอดขายสูงสุดให้ซูซูกิยังคงเป็นรุ่น SUZUKI SWIFT ช่วงเดือนที่ผ่านมาได้ทำการแนะนำ SUZUKI SWIFT GL MAX EDITION สปอร์ตแฮทช์แบ็กอีโคคาร์รุ่นพิเศษออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นรุ่นที่ทำการพัฒนาต่อยอดมาจาก SWIFT GL รุ่นมาตรฐาน เพื่อมาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าด้วยราคาเริ่มต้นที่ 541,000 บาท ที่กวาดยอดจองมาแล้วกว่า 1,580 คัน นับตั้งแต่มีการแนะนำเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ยังไม่มีวัคซีนเพื่อต้านหรือรักษาออกมาอย่างเป็นทางการ และถึงแม้ประเทศไทยจะปลดล็อค ผ่อนคลายมาตรการความเข้มงวดในการควบคุมโรคหลายๆ ด้านลงแล้วก็ตาม แต่ผู้คนยังคงต้องระมัดระวังตนเองพร้อมทำการปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ (NEW NORMAL) ซึ่งนอกจากทุกคนต้องปรับตัวแล้ว ธุรกิจต่างๆ ก็ต้องปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่เช่นกัน
สำหรับ ซูซูกิ มีความพยายามอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด โดยจะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมการวางแผนทางการเงินที่รัดกุมขึ้น เน้นการเก็บออมและสำรองเงินสดไว้ใช้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยด้านสินค้า ลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เลือกใช้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นและเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคามากขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ที่จะใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างรอบคอบและรัดกุม คำนึงถึงเรื่องของราคาและคุณภาพที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันให้มีความคุ้มค่าอย่างสูงสุด ซึ่งส่งผลดีให้กับรถยนต์ซูซูกิหลายรุ่นทำยอดขายได้ดีขึ้นในช่วงเวลานี้
SUZUKI SWIFT GL MAX EDITION คือรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทำการแนะนำออกมา ซึ่งมีส่วนในการส่งเสริมให้ตัวเลขยอดขายขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ส่วนรถยนต์อีกรุ่นที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้แก่ SUZUKI CELERIO มียอดจำหน่ายในเดือนมกราคม–กันยายน 2563 จำนวน 2,856 คัน เพิ่มสูงขึ้น 328.65% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนกันยายน มีอัตราเติบโตสูงถึง 635.59% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา นับเป็นตัวเลือกที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการเดินทางได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจาก SUZUKI CELERIO จะมีสมรรถนะการขับขี่ของตัวรถและเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาให้มอบพละกำลังและความสามารถเกินตัวแล้วนั้น ยังทำราคาจำหน่ายให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจครอบครองเป็นเจ้าของได้ง่าย เริ่มต้นเพียง 318,000 บาท และผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,999 บาท
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าที่เป็นครอบครัวเดียวกันกับซูซูกิ รวมไปถึงเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นและต้องการสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ถึงสมรรถนะอันเกินตัวของ SUZUKI CELERIO โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมทดสอบความประหยัด CELERIO Utility All Around ด้วยการเชิญชวนลูกค้า SUZUKI CELERIO ร่วม
แข่งขันขับรถประหยัดน้ำมัน บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – ระยอง – กรุงเทพฯ ซึ่งได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 โดยมีลูกค้าพร้อมครอบครัวตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคักกว่า 120 คน ซึ่งแต่ละครอบครัวที่เข้าร่วมล้วนเป็นลูกค้าผู้ใช้งานจริง ที่ต่างมาร่วมกันยืนยันถึงสมรรถนะอันดีเยี่ยมและความคุ้มค่าเหนือใครของ SUZUKI CELERIO ได้เป็นอย่างดี
SUZUKI XL7 คืออีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา สร้างยอดจองไปได้แล้วมากกว่า 2,600 คัน และดำเนินการส่งมอบรถให้ลูกค้าแล้วถึงเดือนกันยายนได้ถึงจำนวน 1,104 คัน โดยซูซูกิกำลังเร่งส่งมอบให้แก่ลูกค้าให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้
นอกจากนั้นเพื่อให้สามารถตอบรับต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที ซูซูกิยังได้มีการปรับแผนการผลิตรถยนต์ใหม่เพื่อเร่งส่งมอบรถทุกรุ่นให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยจะยึดมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ดีควบคู่ไปกับการพัฒนางานด้านการบริการที่มีมาตรฐาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าผ่านโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ซูซูกิที่ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 124แห่งทั่วประเทศ อีกทั้งซูซูกิยังมีแผนในการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครบ 130 แห่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564