ในการแข่งแรลลีสุดหฤโหด ‘ดาการ์’ (Dakar) ประจำปี 2564 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ระหว่างวันที่ 3-15 มกราคม ที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการด้านสุขอนามัยอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ‘สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล’ (Stéphane Peterhansel)เจ้าของฉายา “เมอซิเออร์ ดาการ์” (Monsieur Dakar) ควบรถบั๊กกี้เอ็กซ์-เหรด มินิ ขุมพลังดีเซล ขับเคลื่อน 2 ล้อ สังกัดทีมเจซีดับเบิลยู (JCW) คว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง พิสูจน์ให้เห็นว่าทักษะในการขับขี่ทั้งด้านความเร็ว ความสม่ำเสมอ และการควบคุมรถของนักขับชาวฝรั่งเศสผู้นี้ เป็นปัจจัยสำคัญสู่ความเป็นแชมป์บนเส้นทางวิบากที่ต้องขับขี่ด้วยความเร็วสูงระยะทาง 4,500 กิโลเมตร รวม 12 สเตจ ของการแข่งขันปีนี้โดยทีมงาน รถแข่ง และยางรถ ต่างต้องผ่านบททดสอบอย่างหนัก
ซองดรีน กอมโบ (Sandrine Combeaux) ผู้จัดการ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ประจำภาคพื้นยุโรป กล่าวว่า “ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช ออล เทอร์เรน ที/เอ เคดีอาร์2+’ (BFGoodrich All Terrain T/A KDR2+) ที่ใช้ในการแข่งขัน ‘ดาการ์’ ประจำปี 2564 ไม่เพียงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสำหรับยางแรลลีที่ดีที่สุด แต่ยังเป็นยางที่เกิดจากการทุ่มเทพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามแนวทางที่ได้จากการรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขัน”
การแข่งขัน ‘ดาการ์’ ประจำปี 2564 เป็นการแข่งขันครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยสเตจสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงพิเศษมีความทุรกันดารมากกว่าสเตจในภูมิภาคอเมริกาใต้ ดังนั้น รถบั๊กกี้ยางล้อใหญ่จึงมีข้อได้เปรียบด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ขณะที่รถขับเคลื่อน 4 ล้อซึ่งใช้ยางล้อขนาดเล็กกว่ามีโอกาสที่จะประสบปัญหาในการแข่งขันได้มากกว่า
“นอกจากทักษะด้านทิศทางที่แม่นยำและความชำนาญในการแข่งแรลลีสไตล์แอฟริกาแล้ว รูปแบบการขับขี่ ตลอดจนเทคนิคการขับขี่ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ซึ่งผลงานการคว้าแชมป์ของ สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล คือข้อพิสูจน์ได้อย่างดี” มิสกอมโบ กล่าวเสริม
ผู้เชี่ยวชาญด้านยางของ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ไม่เพียงอยู่เคียงข้างคอยให้การสนับสนุนช่วยเหลือนักแข่งที่ใช้ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุดการแข่งขัน แต่ยังให้คำแนะนำเรื่องการเลือกยาง รูปแบบการติดตั้ง และแรงดันลมยางด้วย ทั้งนี้ ตลอด 12 ช่วงการแข่งขัน (Leg) ศูนย์บริการ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ได้ติดตั้งและถอดเปลี่ยนยางให้กับนักแข่งรวมทั้งสิ้นกว่า 3,800 เส้น
การแข่งรถรายการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ‘ดาการ์’ หรือ ‘บาฮา’ (Baja) ซึ่งเป็นการแข่งขันสไตล์อเมริกาเหนือล้วนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ประเภทที่ใช้ได้ทั้งทางเรียบและออฟโรด (All Terrain) มีศักยภาพที่โดดเด่น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความเชี่ยวชาญอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ที่สั่งสมมายาวนานถึง 150 ปี ทั้งนี้ กีฬามอเตอร์สปอร์ตเปรียบเสมือนห้องทดลองขนาดใหญ่สำหรับทดสอบการใช้งานยางในสภาพสุดหฤโหดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยมีเป้าหมายมุ่งเก็บเกี่ยวความรู้อย่างรอบด้านเพื่อให้สามารถถ่ายทอดสมรรถนะยางรถแข่งไปสู่ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ที่วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์สำหรับยานยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อได้ต่อไป
สมรรถนะและประสิทธิภาพของยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช มัด เทอร์เรน เคเอ็ม3 เอสเอสวี/ยูทีวี’ (BFGoodrich Mud Terrain KM3 SSV/UTV) รุ่นล่าสุดคือจุดเด่นของการแข่งขัน ‘ดาการ์’ ประจำปี 2564 โดยในการแข่งขันประเภทยานพาหนะขนาดเล็ก (Light Vehicle) คริสตินา กูเตียร์เรซ(Cristina Gutierrez) นักแข่งจากสเปนที่ใช้ยาง ‘บีเอฟกู๊ดริช’ ทำเวลาได้เร็วที่สุดเป็นจ่าฝูงของกลุ่มในวันแรกของการแข่งขัน จึงกลายเป็นนักแข่งหญิงคนแรกที่คว้าชัยชนะระดับสเตจในการแข่งขัน ‘ดาการ์’ นับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา นอกจากนี้ เซธ ควินเตโร (Seth Quintero) นักแข่งอายุ 18 ปี ซึ่งลงแข่งเพื่อป้องกันแชมป์ให้กับทีม ‘เรดบูล จูเนียร์ โอที3’ (Red Bull Junior Team OT3) เช่นเดียวกับ คริสตินา กูเตียร์เรซ ยังถือเป็นนักแข่งอายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยลงแข่งในการแข่งขัน ‘ดาการ์’ อีกด้วย