“เราเริ่มต้นปีใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมและคาดการว่าเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายกลยุทธ์ปีงบประมาณ 2021 ของเรา ด้วยผลตอบแทนจากการขายที่ 15 เปอร์เซ็นต์อีกครั้ง” Lutz Meschke รองประธาน และสมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงานการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศของ Porsche AG กล่าวต่อไปอีกว่า“การก้าวเข้าสู่บรรทัดฐานดังกล่าว เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมเกินกว่าความสำเร็จทั่วไป เนื่องจากเรากำลังเพิ่มเงินลงทุนที่มากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า, digitalisation และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตัวเลขที่เราทำได้ในไตรมาสนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันยอดเยี่ยมทั้งในแง่ของการบริหารต้นทุน รวมทั้งโครงสร้างของรายรับและยนตรกรรมสปอร์ตของเรา”
ปอร์เช่ ส่งมอบรถยนต์ใหม่ถึงมือลูกค้าทั่วโลก เป็นจำนวนเกือบ 72,000 คัน ภายในสามเดือนแรกของปี คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรุ่นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือปอร์เช่มาคันน์ (Macan) ซึ่งมียอดส่งมอบกว่า 22,458 คัน นอกจากนี้ในไตรมาสแรกความต้องการของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าในสายการผลิตปกติคันแรกอย่าง ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยยอดส่งมอบรวม 9,072 คัน ใกล้เคียงกับยอดจำหน่ายของรถสปอร์ตระดับตำนานปอร์เช่ 911 ที่มียอดส่งมอบ 9,133คัน อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้รายรับ และผลตอบแทนจากการดำเนินงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากนั้น มาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงไตรมาสแรกของปีก่อน เนื่องด้วยผลกระทบของวิกฤตการณ์แพร่ระบาดไวรัสโคโรนา
“เบื้องหลังของผลประกอบการอันยอดเยี่ยม คือทีมงานที่แข็งแกร่ง ความร่วมแรงร่วมใจมีส่วนทำให้บริษัทดำเนินงานไปสู่ความสำเร็จได้ แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายในขณะนี้ นอกจากนั้นยังมียนตรกรรมสปอร์ตรุ่นใหม่ และเร้าอารมณ์อยู่เสมอ นั่นคือรากฐานสำคัญที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ” ข้างต้นคือคำอธิบายจาก Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG
“เราจะทำการส่งมอบปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) ให้ได้มากกว่าปี 2020 เฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันแรกของเราในปี 2020 ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยยอดจำหน่ายเกือบครึ่งหนึ่งของตัวเลขรวมทั้งหมดที่ทำได้ตลอดปี อีกสิ่งสำคัญที่ควรค่าแก่การยินดี คือ ผู้ตัดสินใจเป็นเจ้าของ ไทคานน์(Taycan) ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ คือ ลูกค้ากลุ่มใหม่ นั่นหมายความว่า ไทคานน์(Taycan) สามารถขยายฐานลูกค้าของปอร์เช่ได้อย่างยอดเยี่ยม”
Lutz Meschke สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงานการเงิน และเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวชื่นชมศักยภาพของบริษัทในการบริหารสภาพคล่องเอาไว้ในระดับที่ดี “เรามีกระแสเงินสดจากผลการดำเนินงาน เป็นมูลค่ามากกว่า 1,500 ล้านยูโร แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการควบคุมผลกำไรขั้นต้นที่ดีเยี่ยม” ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2020 กระแสเงินสดสุทธิยังคงมีค่าติดลบ(-219 ล้านยูโร) “กรณีที่การเริ่มต้นปี 2021 อย่างสวยงามของเรานั้น ไม่ถูกขัดขวางจากการขาดแคลนอุปกรณ์ semiconductor ผมคาดหวังในแง่ดีว่าเราจะสามารถสร้างตัวเลขผลประกอบการที่เป็นสถิติใหม่ได้เมื่อจบปีงบประมาณ” Meschke เน้นย้ำอย่างมั่นใจ คำประกาศของเขายังกล่าวถึงกลยุทธ์การบริหารงานระยะยาวอย่างเป็นระบบ เพื่อประสิทธิภาพในการสร้างผลกำไรจวบจนปี 2025 “ถึงแม้เราจะประสบความสำเร็จมากมาย แต่จะต้องไม่ลืมว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ท้าทายเป็นอย่างมากเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรายังคงหาแหล่งทรัพยากรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพอย่างต่อเนื่องทั้งในแง่ของรายได้และการควบคุมต้นทุน”