ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่กระจายวงกว้าง กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ภายใต้มูลนิธิฮอนด้าประเทศไทย ร่วมกับกลุ่มบริษัทฮอนด้าในประเทศไทย ขอเป็นอีกหนึ่งพลังในการส่งมอบความช่วยเหลือเพื่อเสริมเกราะป้องกันและสนับสนุนการทำงานให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในผู้ป่วย ด้วยการส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวกที่ผลิตโดยทีมวิศวกรฮอนด้าจิตอาสา เพิ่มเติมจำนวน 1,100 ชิ้น รวมมูลค่า 42 ล้านบาท ให้แก่กระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อจัดสรรตามความต้องการและกระจายต่อไปยังโรงพยาบาลรัฐ จำนวน 114 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงกรมราชทัณฑ์ เพื่อกระจายต่อไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง และโรงพยาบาลเรือนจำกลางสมุทรปราการ
นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน ทางกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทยได้มอบความช่วยเหลือไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงกรมราชทัณฑ์ ด้วยการผลิตและบริจาคเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบจำนวน 100 เตียง ซึ่งมีต้นแบบมาจากคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และยังต่อยอดนวัตกรรมมาเป็นหน้ากากแรงดันลบและแรงดันบวก 2,100 ชิ้น พร้อมด้วยเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อฮอนด้า และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น อาทิ ชุดป้องกันเชื้อ PPE หน้ากาก Face Shield หน้ากากอนามัยแบบผ้า รวมถึงการบริการรถยนต์และรถจักรยานยนต์พยาบาลกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย เพื่อร่วมต้านภัยโควิด-19 รวมงบประมาณกว่า 122 ล้านบาท (ข้อมูลเดือนกรกฎาคม 2564) โดยงบประมาณส่วนนี้มาจากเงินสมทบจากการซื้อรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย ขอขอบคุณลูกค้าฮอนด้าทุกท่าน เราพร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทย เพื่อก้าวผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร กรรมการผู้จัดการกองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย กล่าวว่า “ปัจจุบัน สถานการณ์โควิด-19 ได้กลับมาระบาดอีกครั้ง มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้บุคลากรทางการแพทย์รวมถึงผู้ป่วยมีความต้องการอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อมากขึ้น กองทุนฮอนด้าเคียงข้างไทย โดยทีมวิศวกรฮอนด้าจึงได้เร่งดำเนินการผลิตหน้ากากแรงดันฯ เพิ่มเติมอีก 1,100 ชิ้น เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลรัฐ รวมทั้งเรือนจำและทัณฑสถาน ซึ่งเชื่อว่าความร่วมมือและความพยายามของทุกภาคส่วนจะช่วยให้เราก้าวข้ามวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ และขอเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่อาสา รวมถึงผู้ป่วยทุกคน ให้พร้อมต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี” |