เริ่มต้นปีกับทริปดี ๆ ที่ทางนิสสันวางแพลนไว้ โดยมีการจัดทริปทดสอบในแบบ 5 สไตล์ เพื่อให้เกิดความหลากหลายในการเดินทาง และแน่นอนว่า หนึ่งในทริปทดสอบที่ทางเราได้รับเชิญนั้นเป็นแนววทดสอบสไตล์ท่องเที่ยวแบบครอบครัว ซึ่งในครั้งนี้ทางผู้เข้าร่วมทริปสามารถพาคนในครอบครัวเข้าร่วมเดินทางได้ ซึ่งก็นับเป็นการทดสอบรถครั้งแรกที่เป็นแนวนี้ของผมกันเลยทีเดียว
สำหรับทริปทดสอบนี้มีชื่อว่า “นิสสัน เทอร์ร่า เรคคอร์ด มิชชั่น” โดยจะใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ – เขาใหญ่ – กรุงเทพฯ เป็นระยะเวลา 2 วัน 1 คืน
เริ่มต้นที่จุดนัดพบ ณ ร้านเมลโล่ การ์เดน ด้วยการตรวจ ATK กันก่อน โดยเด็ก ๆ ที่เข้าร่วมทริปก็ไม่ได้รับการยกเว้น แต่จะใช้วิธีการตรวจแบบน้ำลายแทนการแหย่จมูก และเมื่อผลตรวจออกมาว่าปลอดภัย ผู้เข้าร่วมทริปก็จะได้เข้ามาภายในงาน และร่วมรับฟังการบรีฟต่าง ๆ ก่อนที่จะออกเดินทางกัน โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ ลาลามูก้า เต็นท์ รีสอร์ท
โดยรถยนต์ที่จะใช้ในการเดินทางครั้งนี้ แน่นอนว่าจะต้องเป็น นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ซึ่งนอกจากเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่ถูกปรับปรุงมาให้ดูหล่อ และทันสมัยมากขึ้นแล้ว ก็ต้องขอเอ่ยถึงระบบเบรกที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยแก้จุดที่โดนใครหลายคนบ่นในเรื่องของดรัมเบรกหลังที่ใส่มาตั้งแต่ตอนเปิดตัวในครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ส่วนเบรกที่ด้านหน้าก็ได้ขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งเรื่องระบบเบรกนี้ คนที่เคยบ่นก็คงจะเลิกบ่นกันได้แล้วล่ะ
สำหรับการเดินทางจุดแวะพักแรกก็จะเป็นที่ร้านสตาร์บัคส์ สาขาฟาสท์แฟค จากนั้นก็จะเดินทางยาวรวดเดียวมาถึงเขาใหญ่ โดยจะแวะทานอาหารกลางวันที่ ริบส์แมน ต่อจากนั้นก็จะเดินทางสู่ เดอะ เบอร์เดอร์ส ลอดจะ คาเฟ่ เพื่อช้อปปิ้งซื้อขนมของจุกจิกและแวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนมุ่งหน้าสู่จุดชมวิวเขาแผงม้า ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำหรับสำหรับทริปนี้
เมื่อเสร็จจากการไปดูฝูงกระทิง และชมธรรมชาติที่เขาแผงม้า ก็ถึงเวลากลับไปยัง ลาลามูก้า เต็นท์ รีสอร์ท ซึ่งเป็นที่พักสไตล์แคมปิ้ง แต่มาพร้อมกับความสะดวกสบายที่ครบถ้วน โดยเต้นท์ที่พักจะเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ มีไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศและห้องน้ำในตัว ซึ่งก็เหมาะกับคนที่ชอบพักผ่อนในสไตล์แคมปิ้งที่ชอบความสบาย
ซึ่งตลอดการเดินทางระบบที่เป็นพระเอกของตัวรถก็คือ จอขนาด 11 นิ้ว ที่มีการเชื่อมต่อกับ Smart TV Stick ที่สามารถรับชม Netflix, YouTube, Disney+ หรือเล่นเกมได้อย่างต้องการ ซึ่งจุดนี้นั่นเองก็ทำให้เสียงจากเด็กขี้เบื่อกับการที่ต้องนั่งรถนาน ๆ เงียบเสียงกันไปเลยทีเดียว และก็ถือว่าจะช่วยให้ทุกการเดินทางเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของผู้ร่วมทาง และลดความเบื่อหน่ายกับการที่ต้องใช้เวลานาน ๆ กับระยะทางไกล ๆ ของการเดินทาง
ช่วงล่างก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ นิสสัน เทอร์ร่า เพราะนอกจากสมรรถนะการเกาะถนนที่ดีแล้ว ความนิ่มนวลที่พกมาด้วย ก็เป็นส่วนช่วยให้ผู้โดยสารเกิดความสบาย และลดความเมื่อยล้าสำหรับการเดินทางไกล ๆ ได้เป็นอย่างดี
พื้นที่ภายในห้องโดยสารก็สามารถตอบโจทย์ความสบายในการนั่งโดยสาร แถมยังมีพื้นที่สำหรับบรรทุกสัมภาระได้อย่างเหลือเฟือในกรณีที่ไม่มีใครนั่งเบาะแถวสาม แต่ถ้าเป็นการเดินทางที่มีผู้โดยสาร 6-7 คน ก็คงต้องตั้งกติการกันก่อนสำหรับสัมภาระที่ต้องจำกัดขนาดและปริมาณกันซะหน่อย ไม่อย่างงั้นอาจจะต้องนั่งอุ้มกระเป๋าเดินทาง หรือสัมภาระบางชิ้นกันตลอดการเดินทาง
ระบบปรับอากาศก็มีช่องลมทั่วคัน เรียกว่าจะนั่งตำแหน่งไหนก็ไม่น่ามีใครจะบ่นเรื่องความร้อน ความเย็นกระจายได้ทั่วคัน ส่วนใครขี้หนาวก็เตรียมผ้าห่มไปด้วยก็ไม่ว่ากัน
แต่มันก็ไม่ใช่จะมีจุดดีไปซะหมดนะครับ แม้ภายในห้องโดยสารจะนั่งสบายตลอดการเดินทาง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่ร่วมเดินทางก็คือ “การขึ้นลงรถ” เนื่องจากตัวรถมีความสูง จึงทำให้การขึ้นลงรถนั้นลำบากและอันตรายประมาณนึง คือมันต้องปีนขึ้นและไต่ลงนั่นแหละ ซึ่งถ้าผู้สูงอายุมีส่วนสูงไม่มาก ผู้ร่วมเดินทางคนอื่นก็ควรจะต้องดูแลเอาใจใส่กันเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุด้วย แต่ถ้าเป็นพวกวัยรุ่นหนุ่มสาวก็มองข้างปัญหาจุดนี้ไปได้เลย
ส่วนในมุมของผู้ขับขี่ก็ถือว่า นิสสัน เทอร์ร่า โฉมนี้ให้ความสบายในการขับขี่ เรื่องของสมรรถนะก็เพียงพอต่อการใช้งานแบบทั่วไป พละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด และมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็นับว่าครบเครื่องไม่น้อย
อัตราเร่งมาดีพอสมควร แต่ไม่ใช่มาในแนวแบบดุดัน ดึงหนักแบบสะใจนะ ซึ่งถ้าใครชอบขับแนวดิบ ๆ ดุ ๆ จะซื้อมาแล้วไปปรับแต่งเพิ่ม หรือจะมองข้ามไปเลยก็ไม่ว่ากัน แต่ส่วนตัวถือว่ากำลังที่ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ค่อนข้างดี การเร่งแซงอยู่ในระดับปานกลาง ไม่จี๊ดจ๊าดแต่ก็ไม่ทำให้หวาดเสียวว่าจะเร่งแซงไม่พ้น ระบบเกียร์ก็มีจังหวะการทำงานที่นิ่มนวล อัตราทดต่อเนื่องรับกันดี
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในหลายรูปแบบของทริปนี้ ก็เฉลี่ยอยู่ที่ราว 13-14 กม./ลิตร (ตามหน้าปัด) ซึ่งใครจะทำตัวเลขความสิ้นเปลืองได้ดีหรือด้อยกว่านี้ ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเท้าขวา และลักษณะนิสัยในการขับขี่ของแต่ละบุคคล
ในส่วนของช่วงล่างก็อยู่ในประเภทนุ่มนวล การซับแรงกระแทกทำได้ค่อนข้างจะดีมาก ส่วนการเกาะถนนก็อยู่ในเกณฑ์ดี จะมีเรื่องที่ไม่ชอบและอยากให้แก้ไขก็คือเรื่องฟิลลิ่งของพวงมาลัยที่แม้จะมีการปรับปรุงมาแล้ว แต่มันก็ยังดีไม่พอ ระยะฟรีพวงมาลัยมีค่อนข้างมาก และความเฉียบคมสำหรับความคิดส่วนตัวผม ผมให้ไม่ผ่าน การเซ็ทดูขาด ๆ เกิน ๆ ทำให้บางครั้งถึงขั้นขาดความมั่นใจในการพารถเข้าโค้งไปเลย ส่วนเรื่องน้ำหนักพวงมาลัยหลายคนก็ยังบ่นว่าเบาไปหน่อย ซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ยังไม่ค่อยติดใจอะไร เหมือนกับเรื่องความเฉียบคมในการบังคับควบคุมของพวงมาลัย
แถมอีกนิด… รถราคาระดับล้านกลางแล้ว พวงมาลัยช่วยทำให้ปรับได้แบบ 4 ทิศทางเถอะ ปรับได้แค่ 2 ทิศทาง (ขึ้น-ลง) แบบที่ให้มา มันให้ความรู้สึกเหมือนขับกระบะหัวเดียวตัวล่างสุดในสมัยก่อนเลย
บทสรุปสำหรับ นิสสัน เทอร์ร่า ที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้ โดยรวมต้องถือว่าเป็นรถยนต์แนว PPV ที่สามารถตอบโจทย์การเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัวได้เป็นอย่างดี ระบบฟังก์ชันต่าง ๆ ของตัวรถให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบกล้องรอบทิศทางที่จะช่วยให้เห็นสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวรถได้อย่างปลอดภัย ระบบความบันเทิงที่โดดเด่นและสร้างความสุขความบันเทิงให้กับสมาชิกผู้ร่วมเดินทางได้เป็นอย่างดี
สมรรถนะการขับขี่โดยรวมก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เป็นรถที่ขับขี่เดินทางไกลแล้วไม่ค่อยสร้างความเมื่อยล้าให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้มาก็ถือว่า “เหลือดีกว่าขาด” เพราะถ้าบางจังหวะมีความจำเป็นต้องใช้แล้วไม่มี ก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับการเดินทางกันเลยทีเดียว แต่ถ้าใครมองว่าไม่จำเป็นก็ไม่ว่ากัน เพราะแต่ละคนก็มีมุมมอง และการใช้รถที่ต่างกัน
ก็เอาเป็นว่า “นิสสัน เทอร์ร่า” เป็นรถที่ค่อนข้างครบเครื่อง ในราคาที่เป็นมิตร โดยราคารุ่นนี้ซึ่งเป็นตัวท็อปก็อยู่ที่ 1,499,000 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในท้องตลาดก็นับว่าน่าสนใจทีเดียว โดยรถก็มีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยตามที่มุมมองของผมที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว สุดท้ายก็ลองถามใจตัวคุณเองว่าชอบหรือไม่ชอบกับรถยนต์สไตล์แบบนี้
แถมอีกนิด… สำหรับการเดินทางในทริปนี้ ก็หวังว่าอาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเดินทางในรูปแบบ 2 วัน 1 คืน กับครอบครัว หรือเพื่อน ๆ ได้ในแบบอีกหนึ่งไอเดียนะครับ