ห่างหายกันไปนานกับกิจกรรมทดสอบรถยนต์ของค่ายดาวลูกไก่ จนครั้งนี้ถึงเวลาอันเหมาะสมกับการจัดกิจกรรมของค่ายนี้ ในเส้นทาง กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี ซึ่งมีระยะทาง และรูปแบบเส้นทางที่หลากหลายในการที่เราจะได้ลองสัมผัสกับ XV รุ่นล่าสุด ที่พกความใหม่มาเต็มพิกัด
สำหรับการเดินทางในทริปนี้ เราเริ่มต้นกันจากโชว์รูมซูบารุ ย่านถนนเสรีไทย โดยมีการรับฟังข้อมูลของผลิตภัณฑ์ และบรีฟในเรื่องเส้นทาง ซึ่งรายละเอียดของการปรับเปลี่ยนนั้นโดยหลัก ๆ มีดังนี้
เริ่มต้นกับความใหม่ที่เค้าใส่เข้ามากับรูปลักษณ์ภายนอก
• กระจังหน้ารูปทรงใหม่
• ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลายใหม่
• กระจกมองข้างปรับมุมอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
• ไฟหน้าระบบ LED ปรับระดับอัตโนมัติ
ส่วนภายในห้องโดยสารก็มีสิ่งที่ปรับใหม่คือ
• เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชันจดจำตำแหน่งเบาะ
• กล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา
• หน้าจอมัลติฟังก์ชันดิสเพลย์ขนาด 6.3 นิ้ว
ไฮไลต์สำคัญที่เจ้า XV ได้มีเพิ่มเข้ามา นั่นก็คือเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมความปลอดภัยซึ่ง ได้แก่
• EyeSight ระบบดวงตาอัจฉริยะเสริมความปลอดภัยด้วยฟังก์ชันช่วยเหลือผู้ขับขี่ถึง 6 ฟังก์ชัน
• Dual X-MODE ที่พัฒนาขึ้นใหม่พร้อมฟังก์ชัน Snow/Dirt และ Deep Snow/Mud เพิ่มความมั่นใจในการผจญภัยบนเส้นทางที่ท้าทายโดยเฉพาะพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือทางลาดชัน
• SI-Drive มอบรูปแบบการขับขี่ที่หลากหลาย โหมด “Sport” ปรับอัตราเร่งดั่งใจ ให้การตอบสนองดียิ่งขึ้น และโหมด “Intelligent” เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น
• Auto Vehicle Hold (AVH) ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง
หลังจากรับทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นของ SUBARU XV EyeSight แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี โดยรถคันเรามีผู้ร่วมเดินทาง 3 คน พร้อมสัมภาระอีกจำนวนนึง ผมมีหน้าที่รับเป็นไม้สองกับเส้นทางนอกเมือง ซึ่งรูปแบบการขับขี่ส่วนใหญ่เป็นแบบขับตามกันไปเป็นรูปขบวน
สำหรับขุมพลังแน่นอนว่ารถค่ายนี้จะต้องเป็นเครื่องยนต์แบบสูบนอน (Boxer) โดยเจ้า XV จะเป็นความจุ 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิด 196 นิวตัน-เมตร พร้อมส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT 7 สปีด ผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive
โดยให้สมรรถนะตามสเปกโรงงานสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ภาย ในเวลา 10.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 194 กม./ชม. โดยมีอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง 13.6 กม./ลิตร
การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งส่วนตัวรู้สึกว่ามันช้าไปนิด แต่ความรู้สึกจะดีขึ้นเมื่อรถลอยตัวไปแล้ว อัตราเร่งโดยรวมบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่รถแนวจี๊ดจ๊าดเร้าใจ แต่มันจะให้อัตราเร่งแบบกลาง ๆ มาดีแบบเรื่อย ๆ ไม่ดึงแรงดึงหนัก แต่เพียงพอสำหรับการเร่งแซงได้อย่างปลอดภัย
ส่วนเรื่องตัวเลขตามสเปกโรงงานนั้น ครั้งนี้ไม่สะดวกในการใช้เครื่องมือทดสอบมาทำการจับเวลา เนื่องจากเงื่อนไขหลายประการ รวมถึงน้ำหนักบรรทุกของรถในครั้งนี้ด้วย
การตอบสนองของพวงมาลัย ส่วนตัวชอบนะ น้ำหนักดี มีความเฉียบคมระดับกลาง ๆ แต่ช่วงล่างนี่ก็ถือว่ามีความเด่นอยู่ในเรื่องของความนุ่มนวล โดยบางช่วงของเส้นทางจะเป็นแนว off-road แบบเล็ก ๆ มีหลุมบ่อพอประมาณ ซึ่งผมได้ลองกดคันเร่งเพื่อทำความเร็ว แล้วรูดไปกับสภาพผิวถนนแบบนี้เพื่อลองจับอาการ ซึ่งผลที่ออกมาก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี การตอบสนองจากช่วงล่างยังให้ความมั่นใจในการขับขี่ โดยมาพร้อมกับความนิ่มนวลที่ผู้โดยสารไม่บ่น
ส่วนการขับขี่บนถนนหลวงทั่วไป ถือว่าอยู่ในเกณฑ์นั่งนิ่มแบบสบาย ๆ โดยความนิ่มมาพร้อมกับความเฟิร์ม ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะเข้าโค้งยาก หรือไม่เกาะถนน เพราะช่วงล่างมันสอบผ่านแบบสบาย ๆ อยู่แล้ว
แม้ว่าในทริปทดสอบนี้จะไม่ได้ลองสมรรถนะอะไรมากมายเหมือนการยืมรถมาทดสอบเดี่ยว หรือการทดลองขับในสนาม เพราะครั้งนี้เน้นเป็นการขับขี่ท่องเที่ยว ซึ่งเหมือนกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการบรรยายเรื่องสมรรถนะอาจจะไม่เข้มข้นซะเท่าไหร่นัก
ซึ่งบทสรุปโดยรวมของการขับขี่เจ้า SUBARU XV EyeSight แบบสั้น ๆ ในครั้งนี้ก็คือ มันเป็นรถที่มีความน่าสนใจและจะยิ่งน่าสนใจมากขึ้นถ้าคุณเป็นแฟนของค่ายซูบารุเป็นทุนเดิม สมรรถนะด้านพละกำลังอยู่ในเกณฑ์กลาง ๆ ซึ่งอาจไม่ถูกใจคนเท้าหนัก แต่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปแน่นอน ส่วนช่วงล่างนี่ถือว่าเด่นเพราะให้ความนิ่มนวลและเกาะถนน แถมครั้งนี้ยังใส่ออฟชั่นมาให้ค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญกับระบบตัวช่วยอย่าง EyeSight ที่แม้ปกติอาจจะไม่ค่อยได้ใช้งาน แต่ในบางโอกาสที่ผู้ขับขี่เผลอเรอ หรือผิดพลาด ระบบก็จะออกมาช่วยสำหรับในบางสถานการณ์
แม้ครั้งนี้จะไม่ได้มีการลองระบบ EyeSight แบบจริงจัง แต่ก็เชื่อมั่นกับระบบนี้ได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะเคยได้ทดลองระบบแบบเต็มที่ในสนามทดสอบมาแล้ว แม้ตอนนั้นจะเป็นรุ่น FORESTER ก็ตาม ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าเป็นตัวช่วยในเรื่องระบบความปลอดภัยได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องความปลอดภัยโดยหลักก็ขึ้นอยู่กับคนขับ ระบบเป็นเพียงแค่ตัวช่วยที่ไม่สามารถเชื่อใจได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรมีสติและตั้งมั่นเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ทุกครั้งเมื่ออยู่หลังพวงมาลัย
SUBARU XV EyeSight มีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ 1,299,000 บาท ซึ่งถือว่ามีการปรับราคาขึ้นจากเดิมเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้เพิ่มเข้ามา ส่วนใครเป็นสายแต่งก็สามารถเลือกชุดอุปกรณ์ตกแต่ง GT ที่ต้องเพิ่มเงินอีก 90,000 บาท สำหรับการเสริมความหล่อให้เจ้า XV ดูสปอร์ตเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย