นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นางสาวอังคณา จิตรสกุล กรรมการ บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด ผู้แทนชมรมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า หน่วยงานราชการในจังหวัดเชียงราย และนายตะวัน ตันวัชรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รตาวัน จำกัด ร่วมเปิด “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 3” ณ บริษัท รตาวัน จำกัด จังหวัดเชียงราย เมื่อวันอังคารที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา
“ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” เป็นกิจกรรมในโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ที่โตโยต้าได้นำปัจจัยแห่งความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ได้แก่ วิถีโตโยต้า ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และปรัชญาลูกค้าเป็นที่หนึ่ง มาถ่ายทอดให้แก่วิสาหกิจชุมชนอันเป็นภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย ให้สามารถดำเนินธุรกิจด้วยตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับทิศทางการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความมั่นคง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปรับปรุงธุรกิจธุรกิจชุมชนต่างๆ และมีส่วนช่วยให้การดำเนินงานของธุรกิจเหล่านี้มีการพัฒนาและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ เช่น ประสิทธิผลเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 50% การควบคุมคุณภาพการผลิตดีขึ้นโดยเฉลี่ย 70% และต้นทุนในการควบคุมสินค้าคงคลังลดลงโดยเฉลี่ย 40% เป็นต้น
บริษัท รตาวัน จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สัก จัดจำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ “องค์อร เฟอร์นิเจอร์” มีโรงงานผลิตที่จังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมโครงการ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ในปี 2560 โดย โตโยต้าร่วมมือกับ บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด ส่งเจ้าหน้าที่ของโตโยต้าที่มีประสบการณ์ด้านระบบการผลิตแบบโตโยต้าและหลักการไคเซ็น (การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง) เข้าไปช่วยเหลือธุรกิจชุมชนในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” โดยให้เจ้าหน้าที่ร่วมศึกษาถึงสาเหตุของปัญหา พร้อมนำองค์ความรู้ของโตโยต้าเข้าไปถ่ายทอดและปรับปรุงระบบการจัดการปัญหาของธุรกิจ โดยนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของธุรกิจนั้นๆ ส่งผลให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างมืออาชีพ สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม สร้างการจ้างงานในท้องถิ่น และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยบริษัทฯ ได้ส่งมอบโครงการแก่บริษัท รตาวันฯ ภายหลังการปรับปรุงเสร็จสิ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2561 และได้ติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พบว่าบริษัท รตาวันฯ ยังคงรักษาประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และทำการปรับปรุงด้วยตนเองตามหลักวิถีโตโยต้าอย่างต่อเนื่อง สามารถขยายผลการสร้างมาตรฐานการควบคุมงานจนสามารถลดต้นทุนและพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตให้ครอบคลุมสินค้าทุกแบบของบริษัท รวมถึงบริหารงานได้ด้วยตนเองอย่างมืออาชีพ สามารถส่งมอบงานได้ตรงเวลา 100%
จากศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการรักษามาตรฐานการดำเนินงานและวัฒนธรรมไคเซ็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โตโยต้าและบริษัท รตาวันฯ จึงได้จัดตั้ง “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 3” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ในการปรับปรุงธุรกิจแก่วิสาหกิจชุมชนในภาคเหนือ ดังนี้
- การวางแผนธุรกิจตลอดทั้งกระบวนการ โดยบอร์ดแสดงการควบคุม (Visualization Board) ช่วยปรับปรุงการวางแผนธุรกิจในภาพรวม กำหนดแผนการขาย การผลิต และการส่งมอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจแก่ลูกค้า
- การเพิ่มผลิตภาพโดยปรับปรุงกระบวนการในการผลิต (ไคเซ็น)เช่น การกำหนดมาตรฐานในการผลิตสินค้า (Standardize) ช่วยลดกระบวนการที่ไม่จำเป็นและการรองาน หรือ การปรับปรุงกระบวนการงานพ่นสี ลดของเสีย ลดเวลาการแก้งาน ส่งผลให้ผลิตได้เร็วขึ้น
- การบริหารสินค้าคงคลังด้วยระบบทันเวลาพอดี บริหารการกำหนดแผนการผลิต การสั่งวัตถุดิบ ตลอดจนติดตามสถานะของสินค้าคงคลังในทุกกระบวนการ ช่วยลดต้นทุนจม ส่งผลต่อการบริหารต้นทุนของธุรกิจในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ดำเนินการปรับปรุงธุรกิจชุมชนแล้วเสร็จจำนวน 23 แห่ง และได้ยกระดับสู่การเป็น “ศูนย์การเรียนรู้โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” จำนวน 3 แห่ง ซึ่งในปี 2565 นี้ บริษัทฯวางแผนที่จะเปิดศูนย์การเรียนรู้ฯเพื่อให้ครบทั้ง 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ อีกทั้งบริษัทฯยังได้นำองค์ความรู้และประสบการณ์จากการดำเนินโครงการ มาถ่ายทอดเพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจ ภายใต้นโยบายประชารัฐ โดยความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ Thailand Smart Center หอการค้าไทย ดำเนินโครงการ Big Brother พี่ช่วยน้อง และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ในการดำเนินงานศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมในจังหวัดกรุงเทพฯ นครราชสีมา ชลบุรี รวมถึงโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV: Creative Industry Village) ในจังหวัดพิษณุโลกและอุบลราชธานีอีกด้วย
นายสุรภูมิ อุดมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้การประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ขององค์กรในโอกาสการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ 60 ปี นั้น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนความสุขสู่ผู้คนและส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนของสังคมภายใต้ “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดย โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการถ่ายทอดแนวความรู้ในการปรับปรุงธุรกิจ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้ โดยในอนาคต บริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายศูนย์การเรียนรู้ฯ ต่อเนื่องให้ครบ 12 จังหวัด ตามเขตเศรษฐกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม ตลอดจนเฟ้นหานวัตกรรมทางความคิดใหม่ ๆ อาทิ การนำระบบกลไกอัตโนมัติ (Automation) มาปรับใช้กับโครงการฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กลุ่มธุรกิจชุมชน นำไปต่อยอดในการขับเคลื่อนเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจของประเทศต่อไป”
“โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”
รายละเอียดเพิ่มเติม
“ศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 3” |
ธุรกิจชุมชน : บริษัท รตาวัน จำกัด
จังหวัด : เชียงราย
ผลิตภัณฑ์ : เฟอร์นิเจอร์ไม้สัก
จำนวนสมาชิก : 70 คน
ปัญหา : การผลิต การส่งมอบ การจัดการสินค้าคงคลัง
กิจกรรมการไคเซ็นธุรกิจ ณ บริษัท รตาวัน จำกัด (กรกฎาคม 2560 – ตุลาคม 2561) |
ปัญหา | กิจกรรมการปรับปรุง | ผลการปรับปรุง |
1. ผลิตภาพ | งานขึ้นโครงแบบ
– สร้างมาตรฐานการผลิตจนถึงมาตรฐานชิ้นส่วน – แบ่งงานระหว่างช่างกับผู้ช่วยช่างให้เหมาะสม |
ผลิตได้เร็วขึ้น 14 %
ลดเวลาการผลิตโครง จาก 50.2 ชม. เป็น 43.2 ชม. |
กระบวนการพ่นสี
– จัดทำล้อเลื่อนเพื่อเคลื่อนย้ายชิ้นงานระหว่างสถานี – ปรับและลดขั้นตอนการทำงานเพิ่มระบบหมุนเวียนอากาศ – แยกพื้นที่ห้องพ่นสีและห้องขัด |
ผลิตได้เร็วขึ้น 40%
ลดเวลากระบวนการทำสี จาก 43 ชม. เป็น 25 ชม. |
|
2. คุณภาพ | ย้ายพื้นที่กระบวนการขัดไปยังคลังสินค้าถัดไป | ลดความสูญเสีย
ในกระบวนการผลิตได้ 90% |
ปรับปรุงการไหลของอากาศในห้องพ่นสี | ||
3. การส่งมอบ | จัดทำบอร์ดควบคุมงานเข้าออกวางแผนการผลิต | ส่งมอบงานตรงเวลา100%
ก่อนไคเซ็น ส่งมอบงานช้า 3 ครั้ง / เดือน |
4. การจัดการสินค้าคงคลัง | สร้างระบบการจัดการสต๊อกวัตถุดิบไม้อัด โดยนำระบบ FIFO เข้ามาใช้ | ลดต้นทุนจมลง 50% |
ปรับระดับสต๊อกให้พอดีกับรอบการใช้ใน 1 เดือน | ||
5. ต้นทุนจมในกระบวนการ | จัดแยกพื้นที่สต๊อกโครงไม้โดยแยกสินค้าที่เป็นต้นแบบ และสินค้าที่รอผลิตออกมาให้ชัดเจน แล้วจึงปรับลดสินค้ารอผลิต (WIP) | ลดเงินจมได้กว่า150,000 บาท |
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
– www.facebook.com/toyotasocialinnovation
– บริษัท รตาวัน จำกัด (ผู้ประสานงาน: คุณรุ่งทิวา มณีวัน โทร. 053-152757, 062-2815962)