มาเซราติ เปิดตัว ‘โปรเจ็กต์24’ (Project24) ฝูงรถแข่งพลังแรง ผลิตจำกัด 62 คัน ยกระดับความเร้าใจบนสนามแข่ง ตอกย้ำประสิทธิภาพไร้ขีดจำกัดของแบรนด์ดังจากอิตาลี
รถแข่งพลังแรงใช้พื้นฐานจาก มาเซราติ เอ็มซี20 (MC20) พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องยนต์เบนซิน วี6 สูบ ‘เน็ททูโน’ (Nettuno) ด้วยเทอร์โบขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้มีกำลังสูงถึง 740 แรงม้า ผสานนวัตกรรมของระบบกันสะเทือน, ระบบเบรกคาร์บอน-เซรามิกและยางที่ใช้สำหรับการแข่งโดยเฉพาะ พร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก เอฟไอเอ (FIA)
ความเบา นับเป็นปัจจัยที่ มาเซราติ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยตั้งเป้าให้รถคันนี้ มีน้ำหนักต่ำกว่า 1,250 กิโลกรัม เมื่อรวมกับพละกำลังอันมหาศาล ส่งผลให้มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักดีเยี่ยม คือ 1.69 กิโลกรัม/แรงม้า
มาเซราติ ‘โปรเจ็กต์24’ มีรูปลักษณ์โดดเด่นสะดุดตา ผลงานการออกแบบจาก Centro Stile Maseratiที่รังสรรค์เส้นสายอันงดงาม ผสานประสิทธิภาพแบบรถแข่งพันธุ์แท้ ส่งผลให้เป็นยนตรกรรมที่ชวนให้เหล่านักสะสมถวิลหา
มาเซราติ ‘โปรเจ็กต์24’ จึงนับเป็นสัญลักษณ์แห่งความเอ็กซ์คลูซีฟ นำเสนอหลากหลายบริการสุดพิเศษสำหรับผู้ครอบครอง อาทิ ประสบการณ์สุดเร้าใจบนสนามแข่ง พร้อมการดูแลอย่างดีที่สุดโดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ
ข้อมูลเชิงเทคนิค มาเซราติ ‘โปรเจ็กต์24’
ลักษณะรถ
- 2 ที่นั่ง สำหรับใช้บนสนามแข่งเท่านั้น
- ออกแบบจาก Maserati Centro Stile design
- กว้างxสูง 2,020* x 1,220* มม.
- น้ำหนักรถเปล่า ต่ำกว่า 1,250 กก.
คุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของ เอฟไอเอ (FIA)
- ถังเชื้อเพลิง FIA-homologated FT3 ความจุ 120 ลิตร
- ถังดับเพลิง FIA-spec
- โรลเคจผ่านมาตรฐานเอฟไอเอ
เครื่องยนต์
- มาเซราติ เน็ททูโน (Nettuno)
- เบนซินทวินเทอร์โบ วี6 สูบ 90 องศา
- ความจุ 3.0 ลิตร
- 740 แรงม้า (HP)
- ระบบจุดระเบิด Maserati Twin Combustion (MTC) Twin Spark with TJI double combustion control
- อ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้ง (Dry Sump)
ระบบส่งกำลัง
- เกียร์ซีเควนเชียล 6 จังหวะ พร้อมแพดเดิลชิฟท์ สำหรับใช้แข่ง, ขับเคลื่อนล้อหลัง
- คลัตช์สำหรับใช้แข่ง พร้อมเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบกลไก
ตัวถัง
- โครงสร้างตัวถังคาร์บอน-ไฟเบอร์ ผสานชิ้นส่วนคาร์บอนไม่พ่นสี
- แอโรไดนามิกส์ประสิทธิภาพสูง
- สปอยเลอร์หน้า-หลังปรับได้หลายระดับ
- สร้างแรงกดได้สูง
- ไฟหน้าแอลอีดี
- ไฟส่องสว่างขณะฝนตก มาตรฐานเอฟไอเอ
- กระจกหน้าและข้าง ผลิตจากโพลีคาร์บอเนต Lexan
แชสซีส์
- โมโนค็อกคาร์บอน-ไฟเบอร์เบาพิเศษ
- ติดตั้งแจ็คลมยกรถอัตโนมัติ
เบรก
- คาลิเปอร์เบรก สำหรับใช้แข่ง
- จานเบรกพร้อมช่องระบายความร้อน เบรมโบ (Brembo) CCMR
- ระบบระบายความร้อนเบรกแบบพิเศษ
ล้อและยาง
- ล้อแม็กอะลูมิเนียมฟอร์จขอบ 18 นิ้ว
- น็อตล้อแบบเซ็นเตอร์ล็อก
- ยางสลิก
ระบบกันสะเทือน
- ดับเบิล-วิชโบน พร้อมแกนพวงมาลัยแบบ semi-virtual
- โช้กอัพปรับความหนืดได้
- เหล็กกันโคลงหน้า-หลังปรับได้
ห้องโดยสาร
- บักเก็ตซีตสำหรับใช้แข่ง (เบาะผู้โดยสารเป็นออปชั่น)
- ชุดแป้นเหยียบปรับระดับได้
- พวงมาลัยปรับระดับได้
- เข็มขัดนิรภัย 6 ตำแหน่ง
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น วัสดุคาร์บอน-ไฟเบอร์
- จอแสดงผลบนพวงมาลัย
- กล้องมองหลัง (ออปชั่น)
- ระบบบันทึกสถานะต่างๆ ของรถ (ออปชั่น)
- กล้องบันทึกวีดิโอภายในห้องโดยสาร (ออปชั่น)
- ระบบเก็บข้อมูลการขับ
- จอแสดงประสิทธิภาพการขับ (ออปชั่น)
- ระบบปรับอากาศ
- ระบบตรวจสอบแรงดันลมยางอัตโนมัติ (ออปชั่น)
- ระบบเบรกเอบีเอส (ABS) ปรับระดับได้ พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
*ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างการพัฒนา
เกี่ยวกับมาเซราติ เอส.พี.เอ.
มาเซราติ คือ ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยสไตล์, เทคโนโลยีล้ำสมัย และตัวตนที่ไม่ซ้ำใคร สะท้อนความเฉลียวฉลาด รสนิยมอันลุ่มลึก สะท้อนมาตรฐานแห่งการเป็นยนตรกรรมระดับโลก และด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในแต่ละเซกเมนต์ มาเซราติ ได้กำหนดนิยามใหม่ ให้กับรถสปอร์ตของอิตาลี ในแง่ของการออกแบบ, ประสิทธิภาพ, ความสะดวกสบาย, ความสง่างาม และความปลอดภัย ปัจจุบันมีจำหน่ายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ (Quattroporte) นับเป็นยนตรกรรมเรือธงของค่ายตรีศูล สมทบด้วยรุ่น กิบลี่ (Ghibli), เลอวานเต้ (Levante) เอสยูวีรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และ เกรคาเล่ (Grecale) ซึ่งเป็นเอสยูวีที่มาพร้อมแนวคิด ‘Everyday Exceptional’ ทุกรุ่นต่างโดดเด่นด้วยการใช้วัสดุที่มีคุณภาพชั้นสูง และการออกแบบทางเทคนิคอันยอดเยี่ยม
มาเซราติ กิบลี่, เลอวานเต้ และเกรคาเล่ มีหลายทางเลือกขุมพลัง อาทิ เบนซินไฮบริด 4 สูบ, เบนซิน วี6 สูบ ไปจนถึงเบนซิน วี8 สูบ ทั้งในแบบขับเคลื่อนล้อหลังหรือขับเคลิ่อน 4 ล้อ โดยมาพร้อมดีเอ็นเออันเป็นเอกลักษณ์ของยนตรกรรมค่ายตรีศูล ขณะที่รุ่นสูงสุด คือ ซูเปอร์สปอร์ตคาร์ เอ็มซี20 (MC20)และ เอ็มซี20 แชร์โล (Cielo) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เน็ททูโน (Nettuno) ที่ได้นำเทคโนโลยีจากรถแข่งฟอร์มูลาวัน มาใช้กับยนตรกรรมในสายการผลิตเป็นครั้งแรก