ฮอนด้าดำเนินธุรกิจในด้านการขับเคลื่อน ภายใต้ Global Brand Slogan คือ The Power of Dreams – How we move you – ที่สื่อความหมายว่า:
“ความฝันของพนักงานฮอนด้าทุกคนเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่ฮอนด้ามาโดยตลอด ในขณะที่หลากหลายผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อน และบริการที่ฮอนด้าสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยพลังแห่งความฝันเหล่านี้ สามารถนำพาผู้คนไปยังที่ต่าง ๆ ขับเคลื่อนหัวใจของผู้คน และช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงความฝันของตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่อีกมากมายในอนาคต”
ฮอนด้า จึงได้ถ่ายทอดความฝันของบริษัทออกมาผ่านผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อน บริการ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถ “ก้าวข้าม (Transcend) ขีดจำกัดต่าง ๆ เช่น เวลาและสถานที่” และ “เพิ่มพูน (Augment) ศักยภาพและโอกาสของพวกเขา” โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้จินตนาการถึงความฝันในอนาคตของตัวเอง และสัมผัสกับความฝันใหม่ที่ไร้ขอบเขตอีกมากมาย ภายในบูทฮอนด้าในงาน JAPAN MOBILITY SHOW 2023
ไฮไลต์การจัดแสดงในบูทฮอนด้า
ฮอนด้า พัฒนาหลากหลายผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์รวมแห่งความฝัน ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการส่งมอบคุณค่าให้กับผู้คน เพื่อให้สามารถ “ก้าวข้าม(Transcend) ข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น เวลาและสถานที่” และเพื่อ “เพิ่มพูน (Augment) ศักยภาพและโอกาสของพวกเขา” โดยบูทของฮอนด้าและเว็บไซต์พิเศษนี้ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่พร้อมมอบคุณค่าเหล่านี้ไว้ด้วย
<ผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนของฮอนด้าที่ออกแบบเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดไปอีกขั้น>
- SUSTAINA-C Concept และ Pocket Concept เปิดตัวครั้งแรกในโลก
Concept model ของรถยนต์ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ที่ได้รับการออกแบบเพื่อสะท้อนแนวคิดในการก้าวข้ามข้อจำกัดของทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ผ่าน “การใช้ทรัพยากรหมุนเวียน” โดยผลิตจากเรซินอะคริลิกที่ผ่านการรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งมอบความสุขและอิสระในการขับเคลื่อนสู่อนาคต
SUSTAINA-C Concept Pocket Concept
- SC e: Concept เปิดตัวครั้งแรกในโลก
Concept ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบเพื่อช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามขีดจำกัดด้านเวลา โดยมีการติดตั้งแบตเตอรี่ Honda Mobile Power Pack e: จำนวน 2 ยูนิต ซึ่งเป็นแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอชาร์จ อีกทั้งเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมและขยายการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ยังมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง นุ่มนวล มีเอกลักษณ์ในสไตล์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า มอบความสะดวกสบาย เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
- Honda Specialty Sports Concept เปิดตัวครั้งแรกในโลก รถสปอร์ตไฟฟ้า concept ที่จะช่วยเปิดประสบการณ์ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับความสนุกสนาน และความเพลิดเพลินในการขับขี่อย่างแท้จริง โดยก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลาในยุคของการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อความเป็นกลางทางด้านคาร์บอน และความนิยมของเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ โดยความเพลิดเพลินจากการขับขี่และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถรุ่นนี้ จะช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดในชีวิตประจำวันได้อีกขั้น
- HondaJet/Honda eVTOL*1
อากาศยานจากฮอนด้า ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึง “การขับเคลื่อนแบบสามมิติ” ได้อย่างแท้จริง เพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนบนพื้นดิน เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของสถานที่และระยะทาง โดยได้จัดแสดงแบบจำลองภายในห้องโดยสารของ HondaJet Elite II เครื่องบินเจ็ตธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์ภายในห้องโดยสารของ HondaJet ได้ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงแบบจำลองภายนอกขนาด 1:5 ของ Honda eVTOL รวมถึงกังหันก๊าซไฮบริด (Gas Turbine Hybrid System) ที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเพื่อใช้เป็นระบบส่งกำลังของ Honda VTOL ที่ได้นำมาจัดแสดงในงานนี้ด้วยเช่นกัน
*1 eVTOL: อากาศยานที่บินขึ้นและลงในแนวดิ่ง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
- ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ Honda Mobile Power Pack e:
ด้วยคุณสมบัติการจัดเก็บและพกพาพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดในแบตเตอรี่ MPP ที่ถอดเปลี่ยนได้ ช่วยให้ผู้คนสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของทรัพยากรที่จำกัด ในการใช้พลังงานในสถานที่หรือสถานการณ์ต่าง ๆ อีกทั้งตอบโจทย์ในด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และอิสระในการเคลื่อนที่และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยภายในงาน ฮอนด้า ได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ MPP และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน
อื่น ๆ ด้วย
<ผลิตภัณฑ์แห่งการขับเคลื่อนของฮอนด้าที่ออกแบบเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและโอกาส>
- Honda CI-MEV เปิดตัวครั้งแรกในโลก
โมเดลสาธิตของรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 2 ที่นั่ง 4 ล้อ ผสานการใช้เทคโนโลยี Cooperative Intelligence (CI) ของฮอนด้า และเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ เพื่อมอบการขับเคลื่อนที่เข้าถึงง่ายจนถึงปลายทางสำหรับทุกคน ตามความมุ่งมั่นของฮอนด้า ในการเพิ่มและขยายขอบเขตของผู้คนให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขอบเขต โดยเฉพาะผู้ที่มีข้อจำกัดในการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น เมื่อไม่มีระบบขนส่งสาธารณะ หรือเมื่อผู้คนประสบปัญหาในการเดินระยะไกล
Honda CI-MEV
- ยนตรกรรมขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า (Honda Autonomous Work Vehicle) เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น
โมเดลสาธิตของยนตรกรรมไร้คนขับที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลายผ่านทางอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง ๆ ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและโอกาสของผู้คนในการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ และปรับปรุงเพื่อทำงานต่าง ๆ แทนมนุษย์ ในสภาพแวดล้อมที่มนุษย์อาจประสบปัญหาในการปฏิบัติงานดังกล่าว
- หุ่นยนต์ Honda Avatar Robot
หุ่นยนต์อวาตาร์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลาและสถานที่ และเพิ่มขีดความสามารถและความเป็นไปได้ของผู้คน โดยความโดดเด่น คือ มือหุ่นยนต์หลายนิ้ว ซึ่งพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีที่ฮอนด้าสั่งสมมาจากการวิจัยด้านหุ่นยนต์ รวมถึงอาซิโม (ASIMO) และเทคโนโลยีการควบคุมระยะไกลที่รองรับระบบ AI ทำให้หุ่นยนต์ Honda Avatar Robot สามารถอำนวยความสะดวกผู้ใช้ในการทำงานและสัมผัสสิ่งต่าง ๆ จากระยะไกลได้คล่องแคล่ว ราวกับว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วยตนเอง
- UNI-ONE
พาหนะเคลื่อนที่ส่วนบุคคลแบบนั่งโดยไม่ใช้มือบังคับ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัยหุ่นยนต์ของฮอนด้า และระบบล้อขับเคลื่อน Omni Traction Drive ของฮอนด้า ซึ่งเป็นกลไกของฮอนด้าที่ช่วยให้สามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้อย่างสะดวกง่ายดาย เพียงโน้มตัวในขณะนั่ง และเคลื่อนตัวราวกับว่ากำลังเดิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้
ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวสามารถขยับและเคลื่อนที่ได้
- ผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนอื่น ๆ ของฮอนด้าที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในชีวิตของผู้คน
- รถต้นแบบเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ mini-BEV และ Power Exporter e: 6000 อุปกรณ์จ่ายพลังงานไฟฟ้าแบบพกพา
อีกทั้งผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนและบริการที่ริเริ่มจาก IGNITION*2 หรือหน่วยสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ของฮอนด้า ได้แก่
- Ashirase – สายรัดในรองเท้าพร้อมระบบนำทาง สำหรับผู้พิการทางสายตา (Ashirase Inc.)
- Striemo – สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสามล้อสำหรับหนึ่งคน (Striemo Inc.)
- RAIL ACTIVE-e bicycle – รถจักรยานไฟฟ้า ที่ติดตั้งระบบ SmaChari ซึ่งจะเชื่อมต่อและช่วยเหลือผ่านระบบไฟฟ้า ( International., inc.) โดย SmaChari จะเป็นเทคโนโลยีแรกที่มาจากหน่วยงาน IGNITION ที่จะทำการค้าภายใต้แบรนด์ฮอนด้า
*2 IGNITION เป็นหน่วยสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ของฮอนด้า ที่ออกแบบเทคโนโลยีตั้งต้น แนวคิด และออกแบบองค์กร เพื่อมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมและสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ให้แก่ลูกค้าและสังคม ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2017 โดยในปี ค.ศ. 2020 ได้มีการเพิ่มตัวเลือกในการเริ่มต้นธุรกิจร่วมทุนใหม่ในหน่วยงาน เพื่อให้ตระหนักถึงการนำแนวคิดไปต่อยอดปฏิบัติจริงได้โดยเร็วที่สุด และในปี ค.ศ. 2021 Ashirase, Inc. และ Striemo, Inc. ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยนับเป็นการร่วมทุนทางธุรกิจกับ IGNITION เป็นบริษัทแรกและบริษัทที่สองตามลำดับ
e:Ny1 ยนตรกรรมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ใน B-segment ปราดเปรียว มีสไตล์ ลงตัวกับทุกการใช้งานจริง พร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
ฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ เป็นยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นที่สองที่จำหน่ายในยุโรป มาพร้อมดีไซน์การออกแบบใหม่ที่ผสมผสานกับการตกแต่งภายในพรีเมียมเหนือระดับ ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อการเป็นยนตรกรรมสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ตัวรถได้รับการพัฒนาจากแนวคิดที่ต้องการมอบคุณค่าใหม่ ความรู้สึกใหม่ และประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันและในอนาคต
ฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ ได้รับการพัฒนาจากแนวคิดที่มีผู้คนเป็นศูนย์กลาง (human-centered development) เป้าหมายหลักของทีมพัฒนา e:Ny1 มุ่งเน้นการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกอันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า เพื่อให้ทุกการเดินทางราบรื่นและนุ่มนวล พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและใช้งานง่าย ทีมวิศวกรผู้พัฒนาจึงท้าทายตัวเองในการดึงสมรรถนะการขับขี่และจุดเด่นของขุมพลังขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบออกมาให้ได้มากที่สุด
ฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ มาพร้อมแพลตฟอร์ม e:N Architecture F ของฮอนด้าที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์หน้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่ม B-segment ของฮอนด้าทั่วโลก ร่วมกับเทคโนโลยีการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ล่าสุดของฮอนด้า ที่ส่งผลให้รถสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 412 กม. (256 ไมล์) ตามมาตรฐานการวัดระยะทางของ WLTP และสามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วจาก 10-80%โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 45 นาที และด้วยโครงสร้างที่มีความกะทัดรัด จึงสามารถจัดวางชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้อยู่ที่เพลาหน้าได้
ขุมพลังของฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ ได้รับการจัดวางอย่างชาญฉลาด ทั้งการวางแบตเตอรี่ไว้ใต้พื้นรถ ทำให้ภายในมีพื้นที่กว้างขวางและสะดวกสบายสำหรับทุกคน วัสดุภายในห้องโดยสารมีคุณภาพ วัสดุเบาะนั่งแบบพรีเมียม ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารพิเศษไม่เหมือนใคร ขณะที่แผงหน้าปัดดิจิทัลและหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ตรงกลาง ได้รวมเอาเทคโนโลยีที่โดดเด่นมาไว้อย่างครบครัน เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์และรับทราบข้อมูลข่าวสารได้ตลอดการเดินทาง e:Ny1 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยรอบด้าน และช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ในทุกการเดินทางด้วยฟังก์ชันขั้นสูงของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่
ฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ ได้รับการออกแบบให้มีบุคลิกที่โดดเด่น สมาร์ต มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากไลน์อัป รถยนต์ฮอนด้าทั่วไป สะท้อนความเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ จึงมาพร้อมรูปลักษณ์งดงามที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน สะดุดตาด้วยดีไซน์ภายนอก ระยะด้านหน้า overhang สั้น ล้อขนาดใหญ่และฐานที่กว้าง เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจในสไตล์รถSUV ไฟหน้าโฉบเฉี่ยวและเป็นเอกลักษณ์ และกระจังหน้าที่มีผิวสัมผัสเรียบ ทําให้ e:Ny1 มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยการออกแบบเส้นสายรอบคันอย่างกลมกลืน
เส้นสายของ LED แนวยาวใต้แนวฝากระโปรง เชื่อมต่อกับไฟหน้า โดยจะแสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัว ฝาสปอยเลอร์หน้าสไตล์สปอร์ตที่ติดตั้งเสมือนลอยอยู่ใต้กระจังหน้า เพื่อปิดซ่อนหม้อน้ำขณะจอดรถ กระจังหน้าด้านล่างตกแต่งด้วยสีดําเงา ดูหรูหรา โฉบเฉี่ยว ยิ่งขึ้น
ช่องชาร์จไฟอยู่หลังแผงกระจังหน้าที่สามารถหมุนเปิดเข้าด้านในเพื่อทำการชาร์จไฟ อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางของกระจังหน้า ทำให้สามารถชาร์จไฟได้สะดวกจากทั้งสองฝั่งของตัวรถ
โครงสร้างตัวถังของฮอนด้า e:Ny1 ใช้โครงสร้างแบบเดียวกับ ฮอนด้า เอชอาร์-วี โดดเด่นในสไตล์สปอร์ตคูเป้ มาพร้อมเส้นสาย belt line และ character line ที่เฉียบคม พื้นผิวเรียบเนียน ลวดลายการออกแบบที่เรียบง่าย เป็นระเบียบ อีกทั้งจัดวางมือจับประตูหน้าและการซ่อนมือจับประตูหลังไว้ด้วยดีไซน์ที่กลมกลืนรอบคัน จากด้านหน้าสู่ด้านท้าย
ไฟเลี้ยวด้านหลัง ไฟเบรก และไฟถอยหลัง ได้รับการออกแบบให้อยู่ในชุดโคมเดียวกัน พร้อมเส้นไฟท้ายที่ยาวเต็มพื้นที่ ช่วยให้ดีไซน์ด้านหลังดูกว้าง และให้รูปลักษณ์ที่ดูมั่นคง
ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดตัวอัตลักษณ์ใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าจากฮอนด้า โดยฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ จะมาพร้อมกับสัญลักษณ์ H Mark สีขาว ที่ด้านหน้า ตรงกลางฝาครอบล้อ และพวงมาลัย นอกจากนี้ ยังมีการเลือกใช้ฟอนต์ใหม่ที่ดูสมาร์ต เป็นการเน้นชื่อแบรนด์ฮอนด้าด้านหลังให้โดดเด่น ให้ลุคที่สดใหม่ พรีเมียม และจะถูกนำมาใช้กับรถไฟฟ้าทั้งหมดของฮอนด้าในอนาคต
ยกระดับประสบการณ์ภายในรถยนต์สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทัศนวิสัยในการขับขี่และการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยได้ทำการออกแบบคอนโซลกลางใหม่ การจัดวางปุ่มเกียร์ที่เรียบง่าย เข้ากับสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า ทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งที่คนขับจะเอื้อมถึงได้ง่าย รวมทั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สายด้วย หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ช่วยให้เข้าถึงเมนู Infotainment ต่าง ๆ ได้ง่ายผ่านการแบ่งโซนใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นนี้ พร้อมด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว การออกแบบหน้าจอยังสะท้อนเอกลักษณ์การออกแบบภายในที่เรียบง่าย สะอาดตาและเป็นระเบียบ
เบาะนั่งด้านหน้าได้รับการพัฒนาโดยมุ่งเน้นความสะดวกสบายและหรูหรา ด้วยแผ่นรองยูรีเทนแบบหนา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่พร้อมโอบรับสรีระในช่วงเร่งความเร็วหรือเข้าโค้ง โดยวัสดุหุ้มเบาะมีให้เลือกแบบหนังสังเคราะห์สีดําหรือสีเทาอ่อนขึ้นอยู่กับสีภายนอก โดยออกแบบให้ดูสปอร์ตและโฉบเฉี่ยว
ฮอนด้า e:Ny1 ยังมอบความอเนกประสงค์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้หลากหลาย ฝากระโปรงท้ายต่ำและพื้นราบด้านหลังช่วยให้สามารถขนสัมภาระเข้าออกได้ง่าย โดยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายสามารถจุสัมภาระได้สูงสุด 361 ลิตร และหากพับเบาะลงจะเพิ่มขึ้นเป็น 801 ลิตร เมื่อบรรทุกถึงแนวหน้าต่างด้านหลัง และได้สูงสุดที่ 1,176 ลิตร เมื่อนำสัมภาระใส่จนเต็มพื้นที่ด้านหลังจนชนเพดานห้องโดยสาร
ฮอนด้า e:Ny1 ยังเป็นยนตรกรรมฮอนด้าที่ได้แนะนำเทคโนโลยี HMI เป็นครั้งแรก ด้วยการเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่เน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง พร้อม interface ที่ใช้งานง่ายมากขึ้น ไฮไลต์ที่สำคัญ ได้แก่ หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง และมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้วที่รวมฟังก์ชันการใช้งาน
การแสดงข้อมูล Infotainment และข้อมูลการขับขี่ ที่พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่กับรถยนต์และโลกภายนอกได้อย่างไร้รอยต่อ
หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ใช้งานได้ง่ายด้วยการจัดวางเมนูที่แบ่งเป็นสัดส่วน 3 โซนบนหน้าจอ สามารถเลือกใช้ได้สะดวก รวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียสมาธิในการขับขี่ ด้านบนเป็นโซน ‘Connect’ ที่จะรวมระบบนําทาง นาฬิกา และจอแสดงผลของกล้องไว้ โดยจัดลําดับความสําคัญให้อยู่ด้านบนเพื่อให้สามารถมองเห็นได้เด่นชัดในระดับสายตาของผู้ขับขี่ โซนกลางเป็น ‘Driver Assist’ หรือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ โดยจะแสดงสถานะการทำงานของรถยนต์ การตั้งค่าระบบเสียงและการสื่อสารต่าง ๆ รวมถึงแอปพลิเคชันและการตั้งค่าระบบรถยนต์ พร้อมด้วยเมนูแสดงการทำงานของระบบ EV และการควบคุมการใช้โทรศัพท์ โซนด้านล่างเป็นการควบคุมระบบปรับอากาศที่แสดงข้อมูลการปรับอากาศและระบบ Air Diffusion System กระจายความเย็นหมุนวน โดยแสดงให้เห็นบนจอตลอดเวลา สำหรับฟังก์ชันที่ใช้งานเป็นประจำจะแสดงให้เห็นเด่นชัดที่สุด เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน และสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ได้
นอกจากนี้ ระบบยังรองรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมถึง Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto พร้อมด้วยฟังก์ชัน Wi-Fi ในรถยนต์ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อได้ทุกที่ การอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air ที่สามารถอัปเดตฟังก์ชันและแอปต่าง ๆ ได้จากระยะไกล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถจะได้รับการอัปเดตการทำงานของระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอโดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ*
ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ดีเยี่ยม ชาร์จได้หลายแบบและสม่ำเสมอต่อเนื่อง
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 68.8 kWh ขนาดคอมแพคท์ ที่ติดตั้งใต้พื้นตัวรถ ทำให้ฮอนด้า e:Ny1 วิ่งได้ไกลสูงสุด 412 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) และชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ 10% ไปถึง 80% โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที เมื่อใช้ที่ชาร์จแบบ DC ต่อเข้ากับหัวชาร์จ CCS ซึ่งสามารถรชาร์จไฟเพื่อวิ่งต่อได้อีก 100 กม. ภายในเวลา 11 นาทีเท่านั้น สำหรับที่ชาร์จไฟบ้านแบบ AC จะสามารถชาร์จไฟ 10-80% ของความจุได้ภายในเวลา 6 ชั่วโมง
ฮอนด้า e:Ny1 เป็นรถรุ่นล่าสุดของฮอนด้าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะHonda SENSING ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีกล้องและโซนาร์ล่าสุด
ระบบที่เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพของกล้องคือ เซนเซอร์โซนาร์ 12 จุดรอบคันรถ แบ่งเป็น 4 จุดที่บริเวณกันชนหน้าและหลัง และด้านข้าง ข้างละ 2 จุด ที่สามารถตรวจจับวัตถุ เช่น อาคาร และพาหนะอื่น ๆ ด้วยความแม่นยําสูง ระบบกล้องและโซนาร์จะทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับความปลอดภัยโดยรวม ทำให้ ฮอนด้า e:Ny1 สามารถระบุสัญลักษณ์บนพื้นถนนและริมถนนที่ไม่มีเส้นได้ ซึ่งรวมถึงรถจักรยานยนต์ นักปั่นจักรยาน และยานพาหนะอื่น ๆ
ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 (Honda SENSING 360) และฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท (Honda SENSING Elite) เจเนอเรชันใหม่
<ฮอนด้าเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่เพื่อความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่>
● ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 (Honda SENSING 360)
เพื่อแนะนำเทคโนโลยีในเจเนอเรชันใหม่โดยการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ ให้กับฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 ในรุ่นปัจจุบันเพื่อช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ด้วยระบบการตรวจจับสภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่และสภาพแวดล้อมโดยรอบตัวรถ ช่วยลดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชนและเกิดอุบัติเหตุ โดยจะเริ่มเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ นี้ในรถยนต์ที่จำหน่ายทั่วโลกภายในปี 2567
● ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท (Honda SENSING Elite)
ในส่วนของเทคโนโลยีเจเนอเรชันใหม่ของฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท ฮอนด้าได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่
เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและราบรื่นในทุกเส้นทางตั้งแต่ออกจากบ้านไปสู่จุดหมายปลายทาง ซึ่งรวมถึงเส้นทางที่ไม่ได้เป็นทางด่วนด้วย โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการจดจำและความเข้าใจที่ได้รับจากเทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) ต้นแบบของฮอนด้า โดยจะเริ่มแนะนำเทคโนโลยีใหม่ทั่วโลกในช่วงกลางทศวรรษ 2020
<เป้าหมาย 2030 ของฮอนด้า ด้านการใช้งานระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่>
เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกลงให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ. 2573 ฮอนด้าได้ตั้งเป้าหมายไว้ดังต่อไปนี้:
- ติดตั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ทุกรุ่นทั่วโลก (รวมทั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 และฮอนด้า
เซนส์ซิ่ง อีลิท) พร้อมฟังก์ชันการตรวจจับรถจักรยานยนต์ภายในปี 2573 - ติดตั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมดในตลาดหลัก ภายในปี พ.ศ. 2573
จากโกลบอล สโลแกน ของฮอนด้าทั่วโลกในด้านความปลอดภัย “Safety for Everyone”ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุสำหรับทุกคนที่ใช้ถนนร่วมกัน ผ่านการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยปัจจุบัน ฮอนด้าติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ในยนตรกรรมรุ่นที่ผลิตเพื่อการจำหน่ายเป็นจำนวนมาก คิดเป็น 99% ของยนตรกรรมฮอนด้ารุ่นใหม่ที่จำหน่ายในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และ 86% สำหรับตลาดทั่วโลก โดยมียอดขายสะสมของยนตรกรรมที่ติดตั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อยู่ที่ 14 ล้านคัน*1
ฮอนด้า ได้พัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ ของฮอนด้า เซนส์ซิ่ง มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2564 ฮอนด้า
ได้เปิดตัว ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Traffic Jam Pilot ซึ่งมีคุณสมบัติรองรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 และจากการต่อยอดองค์ความรู้ที่รวบรวมจากงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง
อีลิท ฮอนด้าก็ได้พัฒนาระบบความปลอดภัยรอบทิศทางฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 (Honda SENSING 360) และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งช่วยขจัดจุดบอดรอบ ๆ ตัวรถ และช่วยในการหลีกเลี่ยงการชนและลดภาระของผู้ขับขี่ โดยเริ่มใช้งานในปี พ.ศ. 2565 ที่ประเทศจีนเป็นแห่งแรก
วันนี้ ฮอนด้า ได้เผยโฉมเทคโนโลยีความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 เจเนอเรชันใหม่ ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ ด้วยการตรวจจับสภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่และสภาพแวดล้อมโดยรอบของรถเพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน โดยจะเพิ่มฟังก์ชันใหม่เหล่านี้ในฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 รุ่นปัจจุบัน และจะขยายการติดงานเพื่อใช้งานในทั่วโลกเริ่มในปี พ.ศ. 2567
สำหรับ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมฟังก์ชันใหม่ที่พัฒนาขึ้นจากการต่อยอดเทคโนโลยีการจดจำและความเข้าใจ โดยการใช้เทคโนโลยี AI ต้นแบบของฮอนด้า โดยฟังก์ชันใหม่เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่เดินทางอย่างปลอดภัยและราบรื่นมากขึ้น นับตั้งแต่ออกจากบ้านไปยังจุดหมายปลายทาง และรู้สึกอุ่นใจในทุกเส้นทาง ซึ่งตอนนี้สามารถเปิดใช้งานบนถนนที่ไม่ใช่ทางด่วนได้อีกด้วย
สำหรับแผนการในอนาคต ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะติดตั้งเทคโนโลยีฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ทั่วโลก
(รวมทั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 และฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท) พร้อมฟังก์ชันการตรวจจับรถจักรยานยนต์ให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2573 นอกจากนี้ ฮอนด้ายังตั้งเป้าการติดตั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ในตลาดหลักทั้งหมดให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2573 พร้อมไปกับการพัฒนาฟังก์ชันของฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ต่อไปอย่างต่อเนื่อง และด้วยแนวคิดริเริ่มเหล่านี้ ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ. 2573
ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2593 ด้วยการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ฮอนด้าจะทำงานอย่างจริงใจเพื่อสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุสำหรับทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
ฮอนด้า เปิดตัวเทคโนโลยีความปลอดภัยแห่งอนาคตเป็นครั้งแรกในโลก มุ่งสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้เป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2593
ฮอนด้ามุ่งมั่นที่สร้าง “สังคมปลอดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้เป็นศูนย์ ตามเป้าหมายการดำเนินงานปี พ.ศ. 2593” ด้วยการใช้ 2 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ ครั้งแรกในโลก*1 กับเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI-powered Intelligent Driver-Assistive Technology) ที่สามารถให้การช่วยเหลือที่เหมาะสมกับความสามารถและการใช้งานของผู้ขับขี่แต่ละคน โดยช่วยลดความผิดพลาดและความเสี่ยงในการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยพร้อมด้วยเทคโนโลยีเครือข่ายสนับสนุนความปลอดภัยในการขับขี่ (Safe and Sound Network Technology) ที่เชื่อมต่อผู้ใช้ถนนทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทั้งผู้คนและผลิตภัณฑ์เพื่อการขับเคลื่อนทั้งหมด ผ่านระบบโทรคมนาคม เพื่อช่วยคาดการณ์ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และช่วยคนให้เลี่ยงความเสี่ยงนั้น ๆ ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุได้
- เป้าหมาย “การสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุและลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้เป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2593”
ฮอนด้าจะขยายการติดตั้ง ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 (Honda SENSING 360) ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยรอบทิศทางและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ให้ครอบคลุมรถยนต์ทุกรุ่นที่จะวางจําหน่ายในตลาดหลักทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2573 นอกจากนี้ ฮอนด้าจะเดินหน้าขยายการใช้งานฟังก์ชันตรวจจับรถจักรยานยนต์ และปรับปรุงฟังก์ชันต่าง ๆ ของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistant System – ADAS) ให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังเดินหน้านำเทคโนโลยีความปลอดภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ไปใช้ให้ครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีความปลอดภัย (Honda Safety EdTech) ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกลงครึ่งหนึ่ง*2 ภายในปี พ.ศ. 2573
- 1) ความปลอดภัยที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล: ตั้งเป้า “ลดความผิดพลาดของมนุษย์ให้เป็นศูนย์” เมื่อขับขี่ด้วยยานยนต์ที่ติดตั้ง “เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driver-Assistive Technology)”
- 2) ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันได้อย่างปลอดภัย สร้างสรรค์เทคโนโลยีเครือข่ายสนับสนุนความปลอดภัยในการขับขี่ (Safe and Sound Network Technology) ที่เชื่อมโยงผู้ใช้ถนนทั้งหมดด้วยระบบการสื่อสารโทรคมนาคม
ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะนําเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้งานจริงหลังจาก พ.ศ. 2573 โดยจะสร้างระบบและตรวจสอบประสิทธิภาพในการใช้งานให้เสร็จสมบูรณ์ในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ2020 จากนั้น จะเร่งสร้างร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรม พร้อมภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020