ในขณะที่ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป กำลังจะผ่านพ้นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ปอร์เช่ ซึ่งเป็นปีพิเศษที่เต็มไปด้วยสีสัน และความมีชีวิตเรายังคงสร้างความน่าตื่นเต้นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัว ปอร์เช่ คาเยนน์ รุ่นใหม่ “ปอร์เช่ คาเยนน์ อี ไฮบริด” (Cayenne E-Hybrid) และปอร์เช่ 911 ดาการ์ (911 Dakar) รถในตำนาน ผู้พิชิตทุกเส้นทางการขับขี่ พร้อมเสริมทัพด้วยรถยนต์รุ่นเอ็กซ์คลูซีฟ อย่างปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า จีทีเอส รุ่นเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ปอร์เช่ ประเทศไทย (911 Carrera GTS 30 Years Porsche Thailand Edition) และปอร์เช่ 911 จีที 3 ที่มาพร้อมชุดแต่งเสริมสมรรถนะ มานทาย เพอร์ฟอร์มมานซ์ คิท (Manthey Performance Kit) และรุ่นอื่นๆ อีกมากมายที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2023 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี
มร.ทิม วอล์คโคเวียก (Tim Walkowiak) ผู้จัดการประจำภูมิภาคของปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิค (Porsche Asia Pacific) กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำรถยนต์ปอร์เช่หลากหลายรุ่น มาร่วมจัดแสดงที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นี้ เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 75 ปีของรถสปอร์ตปอร์เช่ และฉลองครบรอบ 60 ปี ของรถยนต์ไอคอนิคตลอดกาลอย่างปอร์เช่ 911 ซึ่งหนึ่งในดาวเด่นของเราในครั้งนี้คือ ปอร์เช่ 911 ดาการ์ (911 Dakar) รถสปอร์ตที่มีกลิ่นอายของความดั้งเดิม เพื่อรำลึกถึงการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่มีมาอย่างยาวนาน เข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ เผยให้เห็นถึงแนวคิดของปอร์เช่ 911 ที่ไม่มีขีดจำกัดใดๆ”
ด้าน มร.ปีเตอร์ โรห์เวอร์ (Peter Rohwer) กรรมการผู้จัดการปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป กล่าวว่า “อีกหนึ่งไฮไลท์ของเราคือ การเปิดตัว “ปอร์เช่ คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับพัฒนาการอันเหนือชั้นทั้งรูปลักษณ์และนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผล ระบบควบคุมแบบดิจิทัล การออกแบบที่เฉียบคมและทันสมัย ระยะการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ไปได้ไกลขึ้น จากนวัตกรรมใหม่ๆที่ผสานรวมกันไว้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่า Cayenne E-Hybrid จะมอบความหรูหราและความสะดวกสบายที่ไม่เหมือนใคร ให้แฟนๆ ปอร์เช่สนุกสนานไปกับการขับขี่ตามคอนเซ็ปต์ Further Together ไปได้ไกล ไปด้วยกัน”
คาเยนน์ ใหม่ (The New Cayenne) ความหรูหราที่มากกว่า มาพร้อมสมรรถนะอันเหนือชั้น
ปอร์เช่ (Porsche) ทำการปรับโฉม คาเยนน์ (Cayenne) รุ่นที่ 3 อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการออกแบบ ระบบส่งกำลัง เทคโนโลยี รวมไปถึงลักษณะภายนอกให้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ ด้วยลักษณะด้านหน้ารถที่ผสมผสานอย่างลงตัวเข้ากับซุ้มล้อที่เพิ่มความแข็งแกร่งดุดันยิ่งขึ้น ฝากระโปรงหน้า และระบบไฟหน้า Matrix หรือ HD-Matrix ช่วยเน้นความกว้างของตัวรถ ด้วยไฟท้ายดีไซน์สามมิติและแผงด้านหลังที่ถูกออกแบบใหม่ช่วยเพิ่มความลงตัวให้กับรถในทุกๆ มุมมอง เพิ่มเติมด้วยการนำเสนอสีใหม่ 3 เฉดสี พร้อมคอลเลคชั่นชุดล้อขนาด 20, 21, และ 22 นิ้ว ทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งรถตามความต้องการได้อย่างลงตัว
Cayenne E-Hybrid ที่จัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ เป็นเครื่องยนต์ 6 สูบ ผสมกับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 100 กิโลวัตต์ เพิ่มขึ้น 30 กิโลวัตต์ เป็น 130 กิโลวัตต์ (176 แรงม้า) กำลังผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 346 กิโลวัตต์ (470 แรงม้า) ติดตั้งกับแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่มีความจุเพิ่มขึ้นจากเดิม 17.9 kWh เป็น 25.9 kWh (ขึ้นอยู่กับระดับอุปกรณ์) ทำให้รถสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าตามมาตรฐาน WLTP ได้มากถึง 90 กิโลเมตร ในส่วนของ On board charger ของตัวรถ ถูกปรับให้สามารถรับกระแสไฟได้มากขึ้นถึง 11 กิโลวัตต์ อีกทั้งยังลดเวลาการชาร์จ (จากแหล่งพลังงานที่เหมาะสม) ด้วยระยะเวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ในขณะที่ความจุของแบตเตอรี่มีเพิ่มขึ้น โดยโหมดการขับขี่แบบ E-Hybrid ที่ได้รับการปรับปรุงนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของรถทุกการเดินทาง
ภายใน คาเยนน์ ใหม่ (New Cayenne) ยังมีการปรับปรุงจอแสดงผลและแผงการควบคุมใหม่ทั้งหมด ภายใต้คอนเซ็ปต์ Porsche Driver Experience ซึ่งเป็นประสบการณ์การขับขี่เฉพาะของปอร์เช่เท่านั้น ที่เปิดตัวครั้งแรกในปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) โดยเน้นไปที่บริเวณผู้ขับขี่และถูกปรับการทำงานให้เหมาะสมที่สุด ซึ่งฟังก์ชั่นที่ผู้ขับขี่ใช้บ่อยจะติดตั้งอยู่บนหรือติดกับบริเวณพวงมาลัยโดยตรง ขณะที่เกียร์อยู่ใกล้กับคอพวงมาลัย ทำให้มีที่ว่างสำหรับเก็บของบริเวณคอนโซลกลางเพิ่มขึ้น แผงหน้าปัดดิจิทัลบริเวณที่นั่งของผู้ขับขี่ถูกออกแบบใหม่ด้วยดีไซน์โค้งมน ขนาด 12.6 นิ้วเต็มรูปแบบ พร้อมตัวเลือกการแสดงผลที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
หน้าจอ Porsche Communication Management System (PCM) ขนาด 12.3 นิ้ว ผสานรวมเข้ากับแผงแดชบอร์ดแบบใหม่ได้อย่างลงตัว และเป็นครั้งแรกสำหรับฝั่งผู้โดยสารที่สามารถเลือกจอแสดงผลแบบใหม่ขนาด 10.9 นิ้ว โดยมีการเคลือบฟิล์มพิเศษเพื่อลดการรบกวนผู้ขับขี่ ที่ทำให้แน่ใจได้ว่าผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นจอแสดงผลนี้ได้ สำหรับปอร์เช่ คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid) ราคาเริ่มต้น 6.59 ล้านบาท (รุ่นตัวถัง คูเป้ (Coupé) ราคาเริ่มต้น 6.89 ล้านบาท)
ถัดมาที่รุ่นไอคอนิค 911 – เฟอร์รี่ ปอร์เช่ (Ferry Porsche) เคยกล่าวไว้ว่า “ปอร์เช่ 911 เป็นรถยนต์เพียงคันเดียวที่คุณจะสามารถขับจากทุ่งหญ้าซาฟารีที่แอฟริกา ไปยังสนามแข่งเลอม็อง (Le Mans) ประเทศฝรั่งเศส และต่อไปยังโรงละครในเมืองนิวยอร์ก”
ปอร์เช่ 911 ดาการ์ (911 Dakar) ใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปอร์เช่ 953 ถูกปรับแต่งเพื่อการแข่งขันแบบออฟโรด ทำให้ปอร์เช่สามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขัน Paris-Dakar Rallyในปี 1984 ได้เป็นครั้งแรก ดังนั้น 911 ดาการ์ (911 Dakar) ใหม่ คือตัวแทนอันสมบูรณ์แบบของปรัชญาข้างต้น ที่จะมาปรากฏโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 นี้ โดย 911 ดาการ์ (911 Dakar) เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสมรรถนะที่ไร้ขีดจำกัด วิศวกรรมที่แข็งแกร่ง และรูปลักษณ์ยกสูงอย่างมีเอกลักษณ์
ปอร์เช่ 911 ดาการ์ (911 Dakar) มีความสูงมากกว่าปอร์เช่ 911 รุ่นมาตรฐานถึง 50 มิลลิเมตร พร้อมระบบยกแบบมาตรฐานที่สามารถช่วยเพิ่มความสูงได้อีก 30 มม. ระยะห่างจากพื้นและมุมลาดเทียบได้กับรถ SUV ซึ่งเหมาะกับการผจญภัยแบบออฟโรดที่ทะเยอทะยานอย่างไร้ขีดจำกัด
นอกจากแชสซีส์ (เพลารถ /โครงรถ) ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษแล้ว ปอร์เช่ 911 ดาการ์ (911 Dakar) ใหม่ ยังมีระบบป้องกันใต้ท้องรถที่แข็งแกร่ง และตะขอเหล็กลากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงชิ้นส่วน CFRP ที่มีน้ำหนักเบา ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้พละกำลังสูงสุด 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) สามารถทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 3.4 วินาที ด้วยเกียร์ 8 สปีด PDK และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
สำหรับ 911 Darka เป็นรถยนต์ที่ใช้ยางรุ่นพิเศษ Pirelli สำหรับการขับขี่แบบออฟโรด มีการตกแต่งภายในที่เน้นตามวัตถุประสงค์หลักของรถ เป็นรถยนต์ 2 ที่นั่ง เบาะนั่งแบบบักเก็ต(Bucket Seat) นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งแร็คหลังคาพร้อมไฟหน้า และอุปกรณ์ออฟโรดเพิ่มเติม รวมถึงการติดตั้งเต็นท์บนหลังคาที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามต้องการ ปอร์เช่ 911 Dakar ราคาเริ่มต้นที่ 22.9 ล้านบาท
อีกหนึ่งไฮไลท์อันโดนเด่นของบูธปอร์เช่ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40
ปอร์เช่ยกระดับการจัดแสดง ด้วยรถยนต์ไฮไลท์หลากหลายรุ่น และเนื่องในโอกาสที่ปอร์เช่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 เราได้ผสมผสานความโดดเด่นทางด้านวิศวกรรมของเยอรมนีผนวกเข้ากับประเพณีท้องถิ่นอันทรงคุณค่าของไทย ได้สร้างสรรครถยนต์รุ่นพิเศษ และถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่ โดยรุ่นพิเศษนี้ ได้นำมาปรากฎโฉมภายในงานให้แฟนๆได้ชม นั่นคือ ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า จีทีเอส รุ่นเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ปอร์เช่ ประเทศไทย (911 Carrera GTS 30 Years Porsche Thailand Edition)
หัวใจสำคัญของแบรนด์รถยนต์ปอร์เช่คือ การขับเคลื่อนด้วยความฝัน (Driven by Dreams)เราได้ทำงานร่วมกับแผนก Porsche Exclusive Manufaktur เพื่อสรรสร้างรถยนต์รุ่นพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และเป็นเกียรติแก่วัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของไทย ด้วยการผลิต ปอร์เช่ 911 คาร์เรรา จีทีเอส (911 Carrera GTS) จำนวนจำกัด ที่มีทั้งสิ้น 7 สี ซึ่งเป็นสีหมวดพิเศษ Paint to Sample (PTS) ซึ่งแทนสีประจำแต่ละวันในสัปดาห์ของวัฒนธรรมไทย
นอกจากนี้ ต้นปีที่ผ่านมา ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ได้เปิดตัวชุดแต่ง Manthey Performance Kit สำหรับปอร์เช่ 911 GT3 รุ่นปัจจุบัน เพื่อเสริมศักยภาพสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่ง ชุดแต่ง Manthey Performance Kit ตัวใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาจากวิศวกรของ Porsche ในเมือง Weissach ประเทศเยอรมนี และผู้เชี่ยวชาญของสนามแข่ง Nordschleife จาก Manthey ในเมือง Meuspath ประเทศเยอรมนี ซึ่งสามารถพิสูจน์ความยอดเยี่ยมด้วยเวลาต่อรอบเพียง 6:55.737 นาที บนสนาม Nürburgring Nordschleife ซึ่งลดลงถึง 4.19 วินาที เมื่อเทียบกับ 911 GT3 ที่ไม่ได้ติดตั้งชุดแต่งนี้
พบกับความสมบูรณ์แบบของยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ครบครันทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น 718 บ็อกซเตอร์ สไตล์ อิดิชั่น (718 Boxster Style) ไทคานน์ จีทีเอส (Taycan GTS) มาคันน์ จีทีเอส (Macan GTS) พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 e-Hybrid) รถสปอร์ตในฝันทุกรุ่นที่พร้อมส่งมอบให้คุณจับจองและครอบครองได้ทันที พร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย ในบูธ A11 ชานเลนเจอร์ 1 งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11ธันวาคม 2023 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี