บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความมั่นใจเรื่องสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย โดยสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ที่สถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA ทั่วประเทศโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และสถานีบริการน้ำมันบางจาก โดยปัจจุบันสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA ได้เปิดให้บริการแล้วกว่า 32 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ของ PEA จำนวน 14 แห่ง และในพื้นที่สถานีบริการน้ำมันบางจากอีกจำนวน 18 แห่ง โดยมีแผนขยายสถานีเพิ่มจนครบ 73 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2564 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงผู้ใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี โดยรองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบเร็วด้วยหัวชาร์จ CHAdeMO อีกด้วย
สถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA เปิดให้บริการทุกวัน 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ (ยกเว้นสถานีในสำนักงาน PEA ได้แก่ PEA VOLTA สำนักงานใหญ่, พระนครศรีอยุธยา, รังสิต, ปากช่อง, นครราชสีมา, นครชัยศรี, สมุทรสาคร, ชลบุรี, เขาย้อย, หัวหิน ที่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 20.00 น.)
นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถใช้บริการตรวจสอบสถานีที่ให้บริการได้ผ่าน PEA VOLTA application บนสมาร์ทโฟนและแท็บเลต ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งสถานีเพื่อนำทางไปยังสถานีนั้น ๆ ได้อย่างแม่นยำ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าและรถพีเอชอีวียังสามารถชำระค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าผ่านระบบการเติมเงินได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย และรวดเร็วอีกด้วย
สำหรับแผนการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA ในอนาคตจะดำเนินการต่อเนื่องตลอดปี พ.ศ. 2564 ครอบคลุมทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 73 แห่ง โดยหลังจากนี้จะมีการเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA เพิ่มเติมอีก 41 แห่ง เพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเข้าถึงบริการสถานีหัวจ่ายอัดประจุไฟฟ้าได้ง่าย ทั้งบนถนนหลักสู่เมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญครอบคลุมทั่วประเทศไทย ซึ่งผู้ใช้รถยนต์ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ก็สามารถชาร์จไฟฟ้าได้จากสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA ด้วยเช่นกัน
มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ของเราสามารถใช้พลังงานแบบไฮบริด โดยไม่ต้องชาร์จไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ตามมีการเพิ่มจุดเด่นที่น่าดึงดูดใจด้วยความสามารถในการชาร์จและขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้อีกด้วย นอกจากนี้เรายังได้นำ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เข้าร่วมในงานเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA เพื่อให้ผู้สนใจได้สัมผัสและทดลองชาร์จไฟฟ้าจากสถานี PEA VOLTA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกสบายในการหาสถานีชาร์จไฟฟ้าให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ซึ่งก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และ เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อเร่งผลักดันให้เกิดการใช้ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยความร่วมมือนี้จะยกระดับประสบการณ์ของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าชาวไทย ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือของ PEA เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถค้นหาสถานีชาร์จทั่วประเทศได้อย่างสะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้น
“ลูกค้าสามารถนำ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เข้าไปใช้บริการชาร์จไฟฟ้าได้ที่จุดบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA สถานีอัดประจุไฟฟ้า MEA และสถานีอัดประจุไฟฟ้า EGAT รวมถึงสามารถเข้ารับบริการชาร์จไฟฟ้า แบบเร็ว (Quick Charge) ได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ให้จำหน่าย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี โดยลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอลเซ็นเตอร์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-079-9500 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน หรือเช็คข้อมูลผ่าน M-Drive Application” มร. โคอิโตะ กล่าวเสริม
สำหรับการชาร์จไฟแบตเตอรี่ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ทำได้สะดวกและง่ายดายด้วยวิธีการชาร์จไฟฟ้า ที่หลากหลาย เพียงเสียบชาร์จเข้ากับปลั๊กไฟที่บ้าน ซึ่งการชาร์จรูปแบบปกติ (Normal Charge) ให้กำลังไฟ 100% ในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หรือขับไปชาร์จยังสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้บริการนอกสถานที่ โดยการชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charge) ด้วยหัวชาร์จ CHAdeMO ให้กำลังไฟ 80% ในเวลาประมาณ 25 นาที หรือจะชาร์จโดยวิธีการกดปุ่ม Save/Charge ภายในรถก็สามารถชาร์จไฟได้ในเวลาประมาณ 40-45 นาที ให้กำลังไฟเกือบเต็ม โดยการทำงานของเครื่องยนต์ทั้งขณะขับขี่หรือในขณะรถจอด คลายกังวลเรื่องข้อจำกัดของระยะทางการขับขี่ ไปได้เลย มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เป็นเอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี โมเดลล่าสุดที่เปิดตัวในประเทศไทย เมื่อปีที่ผ่านมา เป็นผู้นำรถเอสยูวีแบบปลั๊กอินไฮบริดที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีจำหน่ายแล้วกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และมียอดจำหน่ายสะสมทั่วโลกมากถึง 281,000 คัน เมื่อสิ้นสุดเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2564 ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง.