ความเคลื่อนไหวดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นภายหลังการเปิดตัวรางวัล MICHELIN green star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ถือเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์เรื่อง “ความยั่งยืนทุกด้าน” (All Sustainable) ของกลุ่มมิชลิน โดยแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นที่กลุ่มมิชลินมีต่อการดูแลรักษาและการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
คำจำกัดความ
ผ่านการรับรอง (Certified): ไวน์ที่ผ่านการรับรองว่าเป็นไวน์ออร์แกนิก (Certified Organic) หรือไวน์ไบโอไดนามิก (Certified Biodynamic) เป็นไวน์ที่ผ่านการปลูกและ/หรือผลิตโดยใช้กรรมวิธีที่ได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าเป็นแบบ “ออร์แกนิก” หรือ “ไบโอไดนามิก” ตามกฎระเบียบที่กำหนดโดยองค์กรบุคคลที่สาม (Third-Party Organization) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ออร์แกนิก (Organic): การปลูกองุ่นแบบออร์แกนิกต้องเป็นไปตามหลักการเกษตรที่กำหนดไว้ โดย ระดับความเข้มงวดเมื่อเทียบกับการเกษตรแบบดั้งเดิมนั้นขึ้นอยู่กับว่าปลูกองุ่นในประเทศใดและจำหน่ายไวน์ที่ใด ทั้งนี้ การใช้คำว่า “ออร์แกนิก” ในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ได้รับการควบคุมและปกป้องทางกฎหมาย ส่งผลให้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องมีความแตกต่างกัน เพื่อแจ้งให้ทราบว่าองุ่นที่นำมาใช้ปลูกแบบออร์แกนิก ผู้ผลิตไวน์จำเป็นต้องขอใบรับรองในประเทศที่ทำการปลูกองุ่นจากสถาบันตรวจสอบซึ่งเป็นบุคคลที่สามและได้รับการยอมรับ โดยทั่วไป ไร่องุ่นจำเป็นต้องผ่านระยะปรับเปลี่ยน (Conversion Period) เป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางด้านกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ซึ่งระหว่างนั้นจะมีการบันทึกข้อมูลและสุ่มตรวจสอบ จากนั้นจึงจะได้รับใบรับรองมาตรฐานการเกษตรแบบออร์แกนิก
การปลูกองุ่นออร์แกนิกไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ใด ๆ ในไร่องุ่น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี สารกำจัดวัชพืช หรือสารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์ ประเทศส่วนใหญ่อนุญาตให้ใช้สารจากธรรมชาติแทนได้ในขอบเขตที่จำกัดและเข้มงวดกว่าการเกษตรแบบดั้งเดิม อาทิ การใช้กำมะถัน (Sulfur) และทองแดง (Copper) ฉีดพ่นในไร่องุ่นเพื่อให้ได้ “องุ่นที่ปลูกแบบออร์แกนิก” สำหรับใช้ผลิตไวน์ ทั้งนี้ องค์กรซึ่งให้การรับรองการเพาะปลูกแบบออร์แกนิกรายใหญ่ระดับโลก ได้แก่ Ecocert, USDA Organic, BioGro NZ, Australian Certified Organicและ EU Organic
ไบโอไดนามิก (Biodynamic): “ไบโอไดนามิก” เป็นแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่เน้นหลักปรัชญามากกว่าการเกษตรแบบดั้งเดิม ริเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2467 โดย ‘รูดอล์ฟ สไตเนอร์’ (Rudolf Steiner) การเกษตรรูปแบบนี้ใช้หลักการพื้นฐานเดียวกับการเกษตรแบบออร์แกนิก อาทิ การไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ แต่นำมาต่อยอดเพิ่ม ยกตัวอย่างเช่น การนำปุ๋ยหมักสูตรพิเศษและน้ำหมักสมุนไพร (Herbal Infusion) มาใช้ในไร่องุ่นภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ยังมักนำการเคลื่อนไหวและช่วงระยะการเปลี่ยนแปลงของวัตถุต่าง ๆ บนท้องฟ้ามาใช้เพื่อกำหนดเวลาที่เหมาะสมของขั้นตอนปฏิบัติในการทำไวน์ ทั้งนี้ มีหลายองค์กรที่ให้การรับรองมาตรฐานการเกษตรแบบไบโอไดนามิก อาทิ Demeter และ Biodyvin
ตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem: มอบให้เพื่อเป็นเกียรติแก่โรงผลิตไวน์หรือผู้ผลิตไวน์ที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเทสูงกว่าข้อกำหนดที่ระบุไว้สำหรับการยื่นขอใบรับรองมาตรฐานการเกษตรแบบออร์แกนิกและ/หรือการเกษตรแบบไบโอไดนามิก
หลักเกณฑ์ในการมอบตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem
ผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับมอบตราสัญลักษณ์นี้ คือ โรงผลิตไวน์ทั้งที่เคยหรือไม่เคยได้รับใบรับรองการเป็นไวน์ออร์แกนิกและ/หรือไวน์ไบโอไดนามิก โดยต้องมีความโดดเด่นในฐานะผู้สนับสนุนให้เกิดความยั่งยืนผ่านการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพในระยะยาว ทั้งนี้ การมอบตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem มีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ โดยมอบให้เพื่อยกย่องความทุ่มเทที่โดดเด่นและมีความพิเศษเฉพาะตัว
ในแต่ละปีนับจากนี้เป็นต้นไป นักวิจารณ์ของ ‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’ จะเสนอชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกในภูมิภาคภายใต้ความรับผิดชอบของตน ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem รายชื่อเหล่านี้จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการค้นคว้าข้อมูลและอภิปรายร่วมกันในกองบรรณาธิการ หากผ่านการเห็นชอบ ผลิตภัณฑ์ไวน์ทั้งหมดของโรงผลิตไวน์แห่งนั้นจะได้รับตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem ซึ่งสามารถใช้ได้จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับโรงผลิตไวน์ที่ส่งผลให้เกิดการยกเลิกสิทธิ์ในการใช้ตราสัญลักษณ์ดังกล่าว
นิโคลาส อาชาร์ด (Nicolas Achard) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’ เปิดเผยว่า “เราตระหนักว่าผู้บริโภคมีความต้องการมากขึ้นที่จะเห็นการปลูกองุ่นเป็นไปอย่างรับผิดชอบและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ทั้งยังต้องการที่จะเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้สะดวกง่ายดายมากขึ้น ทีมงานของเราจึงได้หยิบยกประเด็นนี้มาอภิปรายร่วมกันและตัดสินใจพัฒนาตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem ขึ้นเพื่อยกย่องไร่องุ่นที่ผสานความเข้มข้นของรสชาติเข้ากับการปลูกองุ่นอย่างยั่งยืน เรามุ่งหวังที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ผลิตไวน์ซึ่งใส่ใจในสิ่งแวดล้อมกลุ่มนี้ได้พบปะกัน พวกเขาต่างพิสูจน์ให้เราเห็นว่าการเคารพสิ่งแวดล้อมถือเป็นการสดุดีต่อสภาพภูมิประเทศ ดินฟ้าอากาศ และต้นองุ่น โดยยังคงรักษารสชาติและคุณภาพของไวน์เอาไว้ได้ดังเดิม”
รายชื่อผู้รับมอบตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem ในปีแรก
‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’ ประกอบด้วยทีมนักวิจารณ์ไวน์มากประสบการณ์ระดับโลกรวม 10 ราย ซึ่งล้วนมุ่งมั่นนำเสนอไวน์ที่ดีที่สุดในโลก โดยเน้นความสำคัญของสภาพภูมิประเทศและดินฟ้าอากาศที่ยอดเยี่ยม ความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนเกษตรกรผู้มีทักษะความชำนาญพิเศษ และวัฒนธรรมที่อยู่เหนือกาลเวลา ทีมนักวิจารณ์ไวน์ นำโดย ‘ลิซา เปร็อตติ-บราวน์’ (Lisa Perotti-Brown) หัวหน้ากองบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ของ ‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’ ได้ค้นหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภูมิภาคต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของตน และดำเนินการพิจารณาอย่างรอบคอบในการคัดสรรโรงผลิตไวน์ไว้ในรายชื่อผู้รับมอบตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem ปีแรกนี้ โดยรายชื่อผู้รับมอบตราสัญลักษณ์ Robert Parker Green Emblem ประจำปี 2564 ประกอบด้วยโรงผลิตไวน์ 24 แห่ง ใน 8 ประเทศ จาก 5 ทวีป ซึ่งล้วนมีชื่อเสียงไร้ที่ติในเรื่องความยั่งยืน
“การพัฒนาตัวกรองใหม่สำหรับใช้ค้นหาไวน์ออร์แกนิกและไวน์ไบโอไดนามิกบนเว็บไซต์ของเรา รวมทั้ง ตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem เป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มที่ผู้บริโภคไวน์ให้ความสำคัญมากขึ้นกับแนวปฏิบัติอย่างยั่งยืนในการผลิตไวน์ เว็บไซต์ของเราจึงโดดเด่นเหนือกว่าเว็บไซต์ประเภทเดียวกันอื่น ๆ เพราะอำนวยความสะดวกให้แก่คนรักไวน์ที่ต้องการดื่มไวน์อย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยพัฒนาการดังกล่าวบนเว็บไซต์ของเราช่วยให้สมาชิกสามารถค้นหาไวน์ชั้นเยี่ยมที่ผลิตขึ้นตามหลักปรัชญาในการรักษาสุขภาวะและความน่าอยู่ของโลกเอาไว้อย่างยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อ ๆ ไปในอนาคต” เปร็อตติ-บราวน์ กล่าว
ออสเตรเลีย (2): |
Cullen Wines, Henschke |
ออสเตรีย (1): |
Weingut Ernst Triebaumer |
ฝรั่งเศส (8): |
Champagne Larmandier-Bernier, Gerard Bertrand, Domaine Leroy & Domaine d’Auvenay, Domaine Bruno Lorenzon, Château Pontet-Canet, Louis Roederer, Felix et Gabin Richoux, Domaine Valentin Zusslin |
เยอรมนี (1): |
Weingut Odinstal |
อิตาลี (3): นิวซีแลนด์ (1): |
Alois Lageder, Salcheto, Tasca d’Almerita Millton Vineyards & Winery |
แอฟริกาใต้ (2): |
Reyneke, Sadie Family Wines |
สเปน (1): |
Descendientes de J. Palacios |
สหรัฐอเมริกา (5): |
The Eyrie Vineyards, Horsepower Vineyards, Littorai Wines, Ridge Vineyards, Spottswoode Estate |
คลิกเพื่อเข้าใช้ตัวกรองการค้นหา พร้อมทั้งอ่านข้อมูลเกี่ยวกับผู้ได้รับตราสัญลักษณ์ใหม่ ตลอดจนบทวิจารณ์ไวน์อีกหลายพันชิ้นได้ที่ www.RobertParker.com