นักบิดดาวดังโมโตจีพีลงสำรวจแทร็กสนามช้าง เซอร์กิต ท่ามกลางสายฝนก่อนดวลเดือด “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” สุดสัปดาห์นี้ ขณะตัวเต็งลุ้นแชมป์โลกมั่นใจ “ไต้ฝุ่นโนรู” ไม่กระทบการแข่งขัน ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร แชมป์โลกชาวฝรั่งเศสจาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า เชื่อสร้างผลงานยอดเยี่ยมไม่ว่าฝนจะตกหรือไม่ ขณะ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์เก่า 2 สมัยที่เมืองไทยหวังเกาะกลุ่มหน้า อ้อนแฟนชาวไทยอยากเจอเร็วๆด้านดอร์น่าสปอร์ตและฝ่ายยจัดผนึกกำลังเดินหน้าฝ่าพายุฝนจัดเตรียมงานกันอย่างหนัก เพื่อบิ๊กอีเว้นต์มอเตอร์สปอร์ตเบอร์หนึ่งของโลกที่ทุกคนรอคอยมากว่า 2 ปี กำลังจะระเบิดศึกขึ้นอยางยิ่งใหญ่
ความเคลื่อนไหวล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ของศึกจักรยายนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2022 สนาม 17 รายการ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ส่งตรงจาก สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในช่วงของวันสำหรับการติดตั้ง และเตรียมความพร้อมก่อนเข้าโปรแกรมอย่างเป็นทางการ
บรรยากาศโดยรวมมีฝนเทลงมาตลอดทั้งวันจากอิทธิพลของ “ไต้ฝุ่นโนรู” ซึ่งนักบิดระดับโลกร่วม 100 ชีวิต จากคลาสต่างๆได้แก่ โมโตจีพี, โมโตทู และ โมโตทรี ต่างก็ต้องทำการบ้านอย่างหนัก ด้วยการลงทำกิจกรรม Track Walk เดินสำรวจแทร็กของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับการแข่งขัน
ขณะเดียวกันก็มีงานแถลงข่าวการเข้าสู่ โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ โดยมี 4 นักบิดที่ลุ้นแชมป์โลก โมโตจีพี 2022 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนนำโดย ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร แชมป์โลกชาวฝรั่งเศสจาก มอนสเตอร์ ยามาฮ่า, ฟรานเชสโก้ บันยาญ่า ผู้ท้าชิงชาวอิตาเลียนจาก ดูคาติ เลโนโว ทีม, อเลช เอสปาร์กาโร นักบิดสแปนิชจาก อพริเลีย เรซซิ่ง และ เอเนีย บาสเตียนินี นักบิดอิตาเลียนจาก เกรซินี เรซซิ่ง โดยทั้งหมดไม่มีความกังวลกับสภาพอากาศ และเชื่อว่าเรซจะสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
กวาร์ตาราโร จ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมกล่าวว่า “ผมไม่กังวลกับสภาพอากาศเลยครับ ไม่ว่าจะแทร็ก แห้ง หรือ เปียก ผมคิดว่าเราจะทำผลงานได้ดี มีเพียงเซ็คเตอร์ 1 และ 2 ที่ผมน่าจะมีปัญหา ผมมีความสุขมากที่เรากำลังจะได้ลงบิดที่ บุรีรัมย์ เป็นสนามต่อไป เพราะเป็นสนามที่ค่อนข้างดีกับผมและ ยามาฮ่า ด้วย ผมคว้าอันดับ 2 ใน ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ครั้งที่แล้วเมื่อปี 2019 แน่นอนว่าผมจะทุ่มเทสุดความสามารถ เพื่อกลับไปยืนบนโพเดี้ยมให้ได้อีกครั้งในสนามนี้”
ขณะที่ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยชาวสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า ผู้ชนะ 2 สมัยแรกของ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ กล่าาว่า “ความตั้งใจของผมยังเหมือนเดิมคือจบสุดสัปดาห์การแข่งขันให้ได้เหมือนที่ ญี่ปุ่น แน่นอนว่าผมต้องการจะต่อสู้ในกลุ่มหน้าให้ได้เหมือนที่ โมเตกิ แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นไปตามที่คาดไว้”
“มันยังไม่ใช่เป้าหมายหลัก เรามีที่นี่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งกลับคืนมาให้ได้อีกครั้ง ซึ่งผมมีความทรงจำอันยอดเยี่ยมที่นี่ จากในปี 2018 และ 2019 โดยเฉพาะครั้งล่าสุดในการมาเยือนของเรา (คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 8) ผมแทบรอไม่ได้ที่จะได้เจอแฟนๆ ชาวไทยอีก”
นอกจากนี้ 2 นักบิดไทยในรุ่น โมโตทู อย่าง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย และ “เคเคซัง” เขมินท์ คูโบะ จาก ยามาฮ่า วีอาร์46 มาสเตอร์ แคมป์ ก็เตรียมความพร้อมอย่างหนักสำหรับการแข่งขันโฮมเรซ
สมเกียรติ กล่าวว่า “การได้แข่งขันต่อหน้าแฟนๆ ชาวไทยในบ้านเกิด ถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากครับ ผมตั้งเป้าที่จะยกระดับการทำงานให้ดีขึ้น และเป้าหมายคือต่อสู้เพื่อลุ้นโพเดี้ยมให้ได้”
เขมินท์ กล่าวว่า “ผมดีใจมากครับที่ได้กลับมาแข่งขันรายการระดับโลกที่บ้านเรา ผมคาดหวังจะทำผลงานให้ดีขึ้นครับ โดยเฉพาะในโฮมเรซที่ได้ลงบิดต่อหน้าแฟนๆ ชาวไทย”
ทั้งนี้ การจัดเตรียมแผนต่างๆในการรองรับผู้ชมหลายแสนคนที่จะเดินทางมาในงาน ยังดำเนินดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการทำงานร่วมกันอย่างหนักในทุกภาคส่วน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว และแฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลกที่จะเข้ามาชมการแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้อย่างดีที่สุด
ด้านนายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะเจ้าบ้านการจัดงานได้ประชุมคณะทำงานศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุใต้ฝุ่น “โนรู” โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับอำเภอ เตรียมการรับมือ มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำช่วยสูบเร่งระบายน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ สำรวจตรวจสอบปริมาณน้ำในบริเวณลำห้วย พร่องน้ำออกจากถนนหนทางและพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมขัง ชำรุดเสียหาย ระดมเจ้าหน้าที่ เร่งขุดลอกสิ่งกีดขวาง กำจัดวัชพืช และผักตบชวาที่ขึ้นอยู่ตามคูคลอง และลำห้วยต่างๆ รอบตัวเมืองบุรีรัมย์ เพื่อเปิดทางน้ำให้ไหลสะดวก ป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมตัวเมือง รวมทั้งเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง