บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีฉลองชัยอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสที่มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวมถึง 5 ล้านคัน ณ ท่าเทียบเรือ เอ็น วาย เค เทอร์มินอล เอ วัน (A1) ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ย้ำความสำเร็จของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิที่ใหญ่ที่สุดในโลกนอกประเทศญี่ปุ่น
“เรายังคงมุ่งมั่นที่จะลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลางอย่างยั่งยืน เรามีแผนการลงทุนเพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดเสริมประสิทธิภาพการผลิตรถยนต์ ตลอดจนยกระดับศูนย์ปฏิบัติการของบริษัทฯ ให้มีการนำพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนมาใช้เรามุ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่งเคียงข้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสังคมไทย โดยดำเนินโครงการสนับสนุนการลดคาร์บอนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และริเริ่มปูทางสู่ความยั่งยืนแห่งอนาคตด้วยการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ด้วยเจตนารมณ์ที่ชัดเจนและแน่วแน่ในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลาง” มร. โคอิโตะ กล่าว
พิธีฉลองเนื่องในโอกาสที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวมถึง 5 ล้านคัน ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นประธานในพิธีและกล่าวแสดงความยินดีต่อก้าวสำคัญของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ด้วยความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
“ในฐานะที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งมีการส่งออกรถยนต์มากเป็นอันดับต้นๆ ความสำเร็จของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในวันนี้ ก็ถือเป็นความสำเร็จร่วมกันของประเทศไทยและประชาชนคนไทย นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ ขยายผลสู่ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ผมขอบคุณในความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ที่พัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่งและเติบโตเคียงข้างสังคมไทยมาโดยตลอด” นายสุริยะ กล่าว
ตลอดระยะเวลากว่า 61 ปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาเพื่อการเติบโตของประเทศไทยผ่าน 7 แกนหลักสำคัญ ประกอบด้วย การลงทุน สิ่งแวดล้อม การถ่ายทอดเทคโนโลยี การช่วยเหลือสังคม การพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ การจ้างงาน และการส่งออก
ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นบริษัทรถยนต์รายแรกของไทยที่ส่งออกรถยนต์ที่ผลิตโดยคนไทยสู่ต่างประเทศ โดยรถยนต์รุ่นแรกที่บริษัทฯ ส่งออกคือ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์ ซึ่งส่งไปยังประเทศแคนาดาในปี 2531 หลังจากนั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ดำเนินธุรกิจส่งออกรถยนต์อย่างต่อเนื่อง จนมียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 1 ล้านคันในปี 2550 และมียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวมเป็นลำดับ ดังนี้
ปี 2556: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม2 ล้านคัน
ปี 2559: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม3 ล้านคัน
ปี 2562: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม4 ล้านคัน
ปัจจุบัน โรงงานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นับเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตรถยนต์มากกว่า 400,000 คันต่อปีและส่งออกไปยัง 120 ประเทศทั่วโลก โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี2562 ถึงเดือนตุลาคม 2565 บริษัทฯ มีการส่งออกยานยนต์ไปยังประเทศออสเตรเลียมากเป็นอันดับ 1 ตามด้วยประเทศเยอรมนี สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ชิลี และซาอุดิอาระเบีย โดยมีโมเดลสำคัญคือ รถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน เป็นรุ่นยอดนิยมที่ส่งออกมากที่สุดด้วยสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด ตามด้วยมิตซูบิชิ มิราจ มิตซูบิชิ แอททราจ และ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต สำหรับรถยนต์รุ่นหลักที่ส่งออกไปยังต่างประเทศในวาระที่มียอดส่งออกสะสมรวม 5 ล้านคัน คือ “มิตซูบิชิ ไทรทัน”
ก้าวสำคัญของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในวาระที่มียอดส่งออกรถยนต์สะสมรวม 5 ล้านคันครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งหลักชัยแห่งความสำเร็จ โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นปี 2565 บริษัทฯ ได้เปิดทำการโรงงานพ่นสีระดับโลกแห่งใหม่ ซึ่งใช้นวัตกรรมด้านการพ่นสีด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการยกระดับคุณภาพและศักยภาพการผลิต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าทั้งในตลาดรถยนต์ภายในและต่างประเทศ