ในปี 2021 ที่ผ่านมา ปอร์เช่ประเทศไทยมียอดจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่กว่า 1,500 คัน และกว่า 70% คือรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์อย่างปอร์เช่ คาเยนน์ ไฮบริด โดยมีตัวเลขยอดขายในปี2021 นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดของปอร์เช่ในเมืองไทย นับเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่หากเปรียบเทียบกับปี 2020 ซึ่งถือได้ว่าปอร์เช่เป็นแบรนด์รถยนต์ลักชัวรี่ระดับ High-end ที่มียอดขายที่เติบโตในประเทศไทย ซึ่งในแต่ละปียังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปอร์เช่ กลายเป็นเป็นรถยนต์ระดับพรีเมียมที่คนไทยคุ้นเคย ส่งผลให้ แบรนด์ปอร์เช่ประสบความสำเร็จไปอีกขั้น ยกระดับชื่อเสียงด้านการเป็นผู้นำ และประสบความสำเร็จในด้านการผลิตนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์สุดล้ำยุค
ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการของปอร์เช่ ประเทศไทย ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ในฐานะผู้ผลิต Supercar ว่า “ในอดีต ปอร์เช่เคยเป็นรถสปอร์ตราคาสูง แต่ทุกวันนี้ด้วยความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี อาทิ ระบบขับเคลื่อนไฮบริด และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และสิทธิพิเศษทางภาษีอากร รวมถึงการที่สามารถติดตั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3 ลิตร ยังมีส่วนช่วยให้ราคาจำหน่ายลดลงอีกด้วย ซึ่งประเทศไทยคือตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีสถานะเป็นตลาดที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของโลก เมื่อพิจารณาเฉพาะในรุ่นปอร์เช่ คาเยนน์ ไฮบริด ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ และแม้ต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์ Covid-19 หรือการขาดแคลนอุปกรณ์ Semi-conductor ปอร์เช่ยังคงสร้างผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในด้านของยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ตัวเลขจำนวนรถยนต์ใหม่ที่ส่งมอบถึงมือลูกค้าเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 301,915 คัน คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง11 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดขายในเอเชีย แปซิฟิก ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติถึง 51 เปอร์เซ็นต์ จากผลตอบรับที่ยอดเยี่ยมของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า ปอร์เช่ ไทคานน์ (Taycan) สำหรับในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปอร์เช่ได้เริ่มต้นประกอบปอร์เช่ คาเยนน์ (Cayenne) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งทำให้ราคาจำหน่ายที่นั่นลดลงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยปอร์เช่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง ทั้งในแง่ของฐานลูกค้าจำนวนมาก รวมถึงโอกาสในการลงทุนโดยเฉพาะแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ EV
จากความคิดเห็นของคุณปีเตอร์ โรห์เวอร์ (Peter Rohwer) ผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยมาเป็นเวลานานกว่า 28 ปี กล่าวเสริมอีกว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของรถยนต์ปอร์เช่ในประเทศไทยมีอายุน้อยลง และกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตัดสินใจซื้อเป็นผู้หญิง ในอดีตเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่มีอายุเฉลี่ย 55 ปี แต่ทุกวันนี้ลดลงมาที่ 42 ปี นั่นหมายความว่าฐานลูกค้ามีการขยายตัวมากยิ่งขึ้น บรรดาเจ้าของธุรกิจเริ่มเปลี่ยนไปสู่คนรุ่นใหม่ และพวกเขาชื่นชอบภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยมในยามที่มองไปยังรถยนต์ที่ขับขี่”
สิ่งนี้อธิบายถึงผู้ให้ความสนใจเยี่ยมชมบูธจัดแสดงรถยนต์ปอร์เช่จำนวนมหาศาล ภายในมหกรรมยานยนต์ Thailand International Motor Expo ภายในบูธที่ลูกค้าจะได้สัมผัสรถยนต์ปอร์เช่ถึง 11 คัน ครบทุกรุ่น ที่นำมาจัดแสดงและจำหน่ายในงานนี้ โดยจะมีไปจนถึงวันที่ 12ธันวาคม ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพค เมืองทองธานี
คุณปีเตอร์กล่าวเสริมว่า “ที่จริงแล้ว ลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่คันแรกไม่จำเป็นต้องซื้อรถใหม่เสมอไป รถยนต์มือสองจากปอร์เช่ Pre-Owned Cars และยังคงเป็นอีกทางเลือกซึ่งในระดับราคา 2-3 ล้านบาท ยังคงเป็นทางเลือกที่ดี อาทิ ในรุ่น มาคันน์ (Macan) หรือ คาเยนน์ (Cayenne) สำหรับรถสปอร์ตตระกูล 718 ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจหากคุณมีกำลังซื้อรถมือสองที่ดีเยี่ยมสักคัน มันคือใบเบิกทางเข้าสู่โลกของปอร์เช่ โดย เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส มีการรับประกันสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถกับเรา ถึง 15 ปี อีกทั้งคุณลักษณะของลูกค้าปอร์เช่ส่วนใหญ่มักจะไม่ครอบครองรถยนต์ปอร์เช่เพียงคันเดียว แต่พวกเขาจะเป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ ถึง 2 หรือ 3 คัน เพราะพวกเขาหลงใหลในรถยนต์ปอร์เช่และชื่นชอบในสมรรถนะการขับขี่ และเรามุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และพร้อมที่จะเติมเต็มความฝันแหล่านั้นมานำเสนอ เพื่อให้ความฝันของผู้หลงใหลในแบรนด์ปอร์เช่นั้นกลายเป็นความจริง”