“กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต” โดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) สุดยอดโปรโมเตอร์ความเร็วของไทย จับมือ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สานต่อความมันส์ศึกรถยนต์ทางเรียบรายการ “ฮอนด้า วันเมคเรซ 2023” ภายใต้สุดยอดโปรดักชั่นคาร์สานต่อ “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ” 3 ปีติดต่อกัน พร้อมประกาศเปิดตัว “ฮอนด้า ซีวิค วันเมค เรซ” อย่างเป็นทางการในปีนี้ ชิงชัยทั้งสิ้น 4 สนาม เปิดฉากที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนยกพลประเดิมสนามใหม่ “สงขลา สตรีท เซอร์กิต” ในสนามสุดท้าย
ศึก ฮอนด้า วันเมคเรซ 2023 (Honda One Make Race 2023) แถลงข่าวจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เมื่อวันอังคารที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมี กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต ฝ่ายจัดการแข่งขันร่วมกับ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด, บริษัท บี-ควิก จำกัด, บริษัท ริชไวส์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด, บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลล์ (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท เอส63 ออยล์ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ฟอร์เต้ มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด, ATP Tein Kuroki Racing,ล้อ Enkei Fujitsubo, Power Lab และ HC Motorsport ร่วมเป็นสักขีพยาน
ฤดูกาลนี้ กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็น “ฮอนด้า วันเมคเรซ 2023” โดยการเปิดตัวคลาสใหม่ที่แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยรอคอยอย่าง “ฮอนด้า ซีวิค วันเมคเรซ” (Honda Civic One Make Race) ที่กลับมาระเบิดความมันส์อีกครั้งในรอบหลายปี ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการสานต่อการแข่งขัน “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ” (Honda City Hatchback One Make Race) เป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน
นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานจัดการแข่งขัน ฮอนด้า วันเมคเรซ เปิดเผยว่า “เราประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วง 2 ปีแรกของ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ จากความเข้มข้นของการแข่งขันทุกๆ เรซ รวมถึงการลุ้นแชมป์ที่ต้องลุ้นไปจนถึงสนามสุดท้ายของปี ขณะที่ผู้ชมก็มีจำนวนมากขึ้นทั้งในสนามแข่งและการถ่ายทอดสด”
“ปีนี้เป็นปีที่ 3 ที่ กรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ต ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการมอบประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตแบบ วันเมคเรซ ที่มีความตื่นเต้นเร้าใจให้กับแฟนความเร็วชาวไทย โดยพัฒนารถแข่ง ฮอนด้า ซิตี้ วันเมคเรซ ให้มีความเร็วสูงขึ้นจากชิ้นส่วนด้านแอโรไดนามิค ที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนใหม่รอบคัน นอกจากนี้ยังมีการยกระดับช่วงล่างให้มีศักยภาพสูงขึ้นตามไปด้วย”
นอกจากนี้ นายอโณทัย ยังกล่าวถึงการเปิดตัวการแข่งขันรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง ฮอนด้า ซีวิค วันเมคเรซ ว่า “ในปีนี้เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า ฮอนด้า ซีวิค วันเมคเรซ ได้ฤกษ์กลับมาสร้างความเร้าใจให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยในสนามแข่งอีกครั้ง หลังจากที่เราทดสอบรถแข่งต้นแบบมาเกือบ 2 ปี จนได้ชิ้นส่วนและเซ็ตติ้งที่ลงตัวแล้ว โดยจะถูกเพิ่มเติมเข้ามาในการแข่งขัน อีเวนต์ที่ 3 และ 4 ของปีนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในสีสันสมการรอคอยของแฟนมอเตอร์สปอร์ต”
“ปีนี้เราจะแข่งขันกัน 4 อีเวนต์ โดยสนามแรกจะจับมือเป็นซัพพอร์เรซของการแข่งขันเอ็นดูรานซ์ชิงแชมป์ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 26-28 พฤษภาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ผมเชื่อว่าจะเป็นสุดสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยความมันส์อย่างแน่นอน ส่วนสนาม 2, 3 และ 4 จะเป็นซัพพอร์ทเรซให้กับรายการ พีที แม็กซ์นิตรอน มอเตอร์สปอร์ต ที่จะแข่งกันที่ บุรีรัมย์ และสนามสุดคลาสสิคของไทยอย่าง พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) ก่อนจะปิดท้ายในสตรีทเซอร์กิตแห่งใหม่ที่ สงขลา ซึ่งผมเชื่อว่าจะสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยได้ตลอดทั้งปีแน่นอน” นายอโณทัย ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ 2023 ดวลความเร็วภายใต้รถแข่งสเป็คเดียวกันทุกคน ซึ่งจะทำให้นักแข่งทุกคนได้เค้นศักยภาพในการขับของตนเองออกมาให้ได้มากที่สุด ภายใต้สุดยอดโปรดักชั่นคาร์อย่าง “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค อาร์เอส” (Honda City Hatchback RS) ซึ่งเป็นรุ่นท็อปมาสร้างเป็นรถแข่ง “วันเมคเรซ” ซึ่งมีจุดเด่นอย่าง เกียร์ Paddle Shift ที่พวงมาลัยมาเพิ่มอรรถรสของการแข่งขันคล้ายกับรูปแบบของฟอร์มูล่าวัน
โดยได้รับความร่วมมือจาก KUROKI RACING สำนักสร้างรถแข่งฮอนด้า ชื่อดังในประเทศญี่ปุ่น ออกแบบอุปกรณ์ความปลอดภัยอาทิ โรลเคจ และเซ็ตระบบช่วงล่างแบรนด์ Tein จาก ATP Motorsport ด้านเครื่องยนต์จะไม่สามารถตกแต่งได้เลย แต่ได้มีการปรับเซ็ตโปรแกรมของกล่องควบคุม (ECU) ใหม่ โดย Power Lab เพื่อเพิ่มความแรงให้กับรถแข่ง ซึ่งจะทำให้การแข่งขันเร้าใจมากขึ้น
ในฤดูกาล 2023 ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เพิ่มประสิทธิภาพรถแข่ง “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ” ด้วยการอัพเกรดชิ้นส่วนด้านแอโรไดนามิครอบคัน เพื่อให้สามารถทำความเร็วได้ดีขึ้นทั้งช่วงทางตรงและขณะเข้าโค้ง นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มชิ้นส่วนเข้ามาเสริมช่วงล่างให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นตามไปด้วย
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบค วันเมคเรซ 2023 ยังคงคับคั่งด้วยนักขับชั้นนำของไทยกว่า 20 คน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มนักแข่งที่มีพัฒนาการขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา โดยฝ่ายจัดการแข่งขันมั่นใจว่าจะทำให้ “การลุ้นแชมป์” ประจำฤดูกาลนี้มีความเข้มข้นขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ ศึก ฮอนด้า ซิตี้ วันเมคเรซ 2023 จะดวลความเร็วทั้งสิ้น 4สนามตลอดทั้งปี เปิดฉากสนามแรกในวันที่ 26-28 พฤษภาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยถูกบรรจุเป็นซัพพอร์ทเรซ ของการแข่งขันรายการ RAAT ไทยแลนด์ เอ็นดูรานซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ 2023
สนามที่ 2 จะยังคงดวลกันที่ บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายนนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยถูกบรรจุเป็นซัพพอร์ทเรซของการแข่งขัน พีที แม็กซ์นิตรอน มอเตอร์สปอร์ต เรซซิ่ง ซีรีส์ เช่นเดียวกับสนามที่ 3 ซึ่งจะโยกไปแข่งกันที่ สนาม พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ส่วนสนามสุดท้ายจะลงใต้ไปปิดฤดูกาลกันที่ สงขลา สตรีท เซอร์กิต จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 18-22 ตุลาคมนี้
แฟนมอเตอร์สปอร์ตสามารถติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และชมถ่ายทอดสดการแข่งขันในทาง
Facebook: https://www.facebook.com/HondaOneMakeRaceOfficial และ https://www.facebook.com/GPIMotorsport