นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 68,883 คัน ลดลง 12.1% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 21,300 คัน ลดลง 30.3% รถเพื่อการพาณิชย์ 47,583 คัน ลดลง 0.5%ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 37,035 คัน ลดลง 3.1%
– ประเด็นสำคัญ
ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคมมีปริมาณการขาย 68,883 คัน ลดลง 12.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 30.3% และตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยังคงเป็นผลจากสถานการณ์ COVID-19 แต่อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่ายอดขายโดยรวมของเดือนสิงหาคมปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีชึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่4 หลังจากที่รัฐบาลได้ดำเนินการผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ ประกอบกับการที่รัฐบาลออกมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ทั้งมาตรการด้านการเงินและการคลังเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการโดยทั่วไป ส่งผลในเชิงบวกให้กับตลาดรถยนต์
ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 8 เดือน มีปริมาณการขาย 448,006 คัน ลดลง 32.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 40.7% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 28.1% เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ไม่เพียงแต่ตลาดรถยนต์ไทย แต่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและทั่วโลกติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ จากการที่ภาครัฐฯ ได้ดำเนินการผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ ภายใต้มาตรการที่กำหนด ควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้นในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลัง COVID-19 เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการควบคุมสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการเริ่มมีการจัดงานส่งเสริมการขายจากค่ายรถยนต์ ได้แก่ งาน Big Motor Sale 2020 ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและผู้บริโภค ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในเดือนกันยายนมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนสิงหาคม 2563
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 68,883 คัน ลดลง 12.1%
อันดับที่ 1 โตโยต้า | 21,599 คัน | ลดลง 31.9% | ส่วนแบ่งตลาด 31.4% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ |
16,557 คัน | เพิ่มขึ้น 11.9% | ส่วนแบ่งตลาด 24.0% |
อันดับที่ 3 ฮอนด้า | 8,610 คัน | ลดลง 45.3% | ส่วนแบ่งตลาด 12.5% |
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 21,300 คัน ลดลง 30.3%
อันดับที่ 1 ฮอนด้า | 7,099 คัน | ลดลง 39.6% | ส่วนแบ่งตลาด 33.3% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า | 5,278 คัน | ลดลง 43.5% | ส่วนแบ่งตลาด 24.8% |
อันดับที่ 3 นิสสัน | 2,332 คัน | ลดลง 19.4% | ส่วนแบ่งตลาด 10.9% |
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 47,583 คัน ลดลง 0.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ | 16,557 คัน | เพิ่มขึ้น 11.9% | ส่วนแบ่งตลาด 34.8% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า | 16,321 คัน | ลดลง 25.7% | ส่วนแบ่งตลาด 34.3% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ | 3,189 คัน | ลดลง 21.7% | ส่วนแบ่งตลาด 6.7% |
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 37,035 คัน ลดลง 3.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ | 15,280 คัน | เพิ่มขึ้น 15.1% | ส่วนแบ่งตลาด 41.3% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า | 13,565 คัน | ลดลง 30.3% | ส่วนแบ่งตลาด 36.6% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ | 3,189 คัน | ลดลง 21.7% | ส่วนแบ่งตลาด 8.6% |
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,752 คัน
โตโยต้า 1,750 คัน- มิตซูบิชิ 934 คัน – ฟอร์ด 533 – คัน- อีซูซุ 422 คัน – นิสสัน 106 คัน – เชฟโรเลต 7 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,283 คัน เพิ่มขึ้น 0.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ | 14,858 คัน | เพิ่มขึ้น 17.7% | ส่วนแบ่งตลาด 46.4% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า | 11,815 คัน | ลดลง 25.7% | ส่วนแบ่งตลาด 35.5% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ | 2,255 คัน | ลดลง 28.1% | ส่วนแบ่งตลาด 6.8% |
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – สิงหาคม 2563
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 448,006 คัน ลดลง 32.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า |
133,374 คัน | ลดลง 43.3% | ส่วนแบ่งตลาด 29.3% |
อันดับที่ 2 อีซูซุ | 108,088 คัน | ลดลง 11.1% | ส่วนแบ่งตลาด 24.1% |
อันดับที่ 3 ฮอนด้า |
55,970 คัน | ลดลง 37.5% | ส่วนแบ่งตลาด 12.5% |
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 150,700 คัน ลดลง 40.7%
อันดับที่ 1 ฮอนด้า | 46,834 คัน | ลดลง 30.9% | ส่วนแบ่งตลาด 31.1% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า |
40,246 คัน | ลดลง 49.5% | ส่วนแบ่งตลาด 26.7% |
อันดับที่ 3 นิสสัน |
17,109 คัน | ลดลง 34.8% | ส่วนแบ่งตลาด 11.4% |
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 297,306 คัน ลดลง 28.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ |
108,088 คัน | ลดลง 11.1% | ส่วนแบ่งตลาด 36.4% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า |
93,128 คัน | ลดลง 40.0% | ส่วนแบ่งตลาด 31.3% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ |
21,705 คัน | ลดลง 36.3% | ส่วนแบ่งตลาด 7.3% |
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 236,151 คัน ลดลง 29.6%
อันดับที่ 1 อีซูซุ |
100,170 คัน | ลดลง 10.1% | ส่วนแบ่งตลาด 42.4% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า |
80,253 คัน | ลดลง 41.6% | ส่วนแบ่งตลาด 34.0% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ |
21,705 คัน | ลดลง 36.3% | ส่วนแบ่งตลาด 9.2% |
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 23,716 คัน
โตโยต้า 9,337 คัน – มิตซูบิชิ 5,611 คัน – อีซูซุ 3,887 คัน – ฟอร์ด 3,056 คัน – นิสสัน 1,173 คัน –เชฟโรเลต 652 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 212,435 คัน ลดลง 27.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ |
96,283 คัน | ลดลง 7.6% | ส่วนแบ่งตลาด 45.3% |
อันดับที่ 2 โตโยต้า |
70,916 คัน | ลดลง 39.4% | ส่วนแบ่งตลาด 33.4% |
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ |
16,094 คัน | ลดลง 35.1% | ส่วนแบ่งตลาด 7.6% |