SUZUKI SWIFT GL MAX EDITION มีการเปิดตัวในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการนำรถ ซูซูกิ สวิฟท์ รุ่น GL มาทำการตกแต่งด้วยชุดแอร์โรพาร์ทใหม่รอบคัน โดยตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 541,000 บาท (สีขาวบวกเพิ่มอีก 5,000 บาท) ซึ่งเป็นราคาที่เพิ่มจากรุ่น GL ธรรมดาเพียงแค่ 5,000 บาทเท่านั้น
อุปกรณ์ที่เพิ่มเข้ามาได้แก่
- ชุดสเกิร์ตหน้า
- ชุดสเกิร์ตข้าง
- ชุดสเกิร์ตหลัง
- สปอยเลอร์หลัง
- เสาอากาศครีบฉลามShark Fin
- ซุ้มล้อสีดำ
- ตกแต่งท่อไอเสียแบบคู่ (ท่อหลอก)
- สติ๊กเกอร์MAX EDITION
สำหรับส่วนอื่นๆ ก็เป็นพื้นฐานของรุ่น GL ทั้งในเรื่องของอุปกรณ์มาตรฐาน เช่น พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS, ระบบเบรกคู่หน้า ดิสก์เบรก / คู่หลัง ดรัมเบรก, ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ idling Stop, ล้อกระทะ+ฝาครอบ ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 175/65 R15, ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ ฮาโลเจน, ไฟหรี่มัลติรีเฟลกเตอร์, ไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่ชุดกันชนหน้า, ไฟท้าย LED และกระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้าสีเดียวกับตัวรถ
ภายในห้องโดยสารก็ยังให้ความรู้สึกสปอร์ตเล็กๆ เช่นเดิม โดยเบาะนั่งคนขับ เป็นปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า เป็นแบบปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง สะดวกสบายกับเบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40 ซึ่งโดยรวมเนื้อที่ภายในห้องโดยสารก็มีให้ใช้อย่างเพียงพอ และให้ความรู้สึกที่กว้างขวางมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถด้วย
แต่สิ่งที่อยากให้ปรับนิดนึงก็เป็นเรื่องของพวงมาลัยที่สามารถปรับได้เพียงแค่สองทิศทาง ก็คือ ขึ้น-ลง เท่านั้น น่าจะมีการปรับแบบยืดเข้า-ออก ได้ด้วยก็น่าจะดีไม่น้อย
ขุมพลังและช่วงล่างยังเป็นแบบสแตนดาร์ดเหมือนเดิม โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC ขนาด 1.2 ลิตร (1,197 ซีซี.) ระบบหัวฉีดคู่ Dual Jet กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที รองรับน้ำมันสูงสุด E20พร้อมส่งกำลังไปที่ล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
ส่วนช่วงล่างด้านหน้าเป็นแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง
ระบบความปลอดภัยก็มีมาให้ไม่น้อย เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Hold Control, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง, จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX, กุญแจนิรภัย Immobilizer และสัญญาณกันขโมย
สำหรับกิจกรรมการทดสอบในครั้งนี้จะเป็นการให้ขับในสนามปิด ที่มีการจัดรูปแบบในลักษณะจิมคาน่า แล้วมีการชาเลนจ์โดยจับเวลาเพื่อหาคนที่ขับทำเวลาได้เร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อมีกติกาแบบนี้ ในการขับจึงต้องมีการรีดสมรรถนะตัวรถกันอย่างเต็มที่ภายใต้รูปแบบของสนามที่บังคับไว้นั่นเอง
ความสนุกเริ่มต้นขึ้น การออกตัวแบบมิดคันเร่งในช่วงระยะทางสั้นๆ ก่อนถึงโค้งขวาแรก การตอบสนองของคันเร่งในช่วงการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งทำได้ค่อนข้างดี อัตราเร่งมีมาให้แบบเบาๆ ตามสไตล์เครื่องยนต์ขนาด “พันสอง” ที่ส่งกำลังต่อไปที่เกียร์ระบบสายพาน
พลังของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังตอบสนองอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ถึงค่อนข้างดี ในบางครั้งที่ต้องเบรกหนัก แล้วความเร็วลดเหลือลงต่ำมากๆ การที่จะเรียกอัตราเร่งขึ้นมาใช้อีกครั้ง บางทีก็ต้องอดใจรอ แต่มันก็ไม่ได้แปลกหรือผิดปกตินะครับ เพราะอย่าลืมว่าเรากำลังขับเค้นพลังจากอีโคคาร์เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แต่โดยรวมกับการขับขี่แบบนี้ ก็ถือว่าเรื่องพละกำลังอยู่ในเกณฑ์ดีอยู่
แต่เรื่องความโดดเด่นต้องขอยกไปให้กับการเซ็ทช่วงล่าง และความเฉียบคมของพวงมาลัย ที่ช่วยให้การคอนโทรลรถทำได้อย่างคล่องตัวสูง ช่วงล่างสแตนดาร์ดที่ถูกเซ็ทมาให้เน้นที่ความนิ่มสบาย เมื่อต้องมาเจอกับการขับขี่ที่ต้องรีดเอาสมรรถนะ ก็ถือว่ารับมือได้อย่างสบายๆ การคอนโทรลในช่วงที่ใช้ความเร็วกับเส้นทางที่ถูกบีบให้เล็กแบบพอดีคัน ก็สามารถควบคุมได้อย่างเชื่องมือ
การเข้าโค้งที่เกือบจะเป็นวงกลมแบบเต็มรอบ แล้วมีการเติมคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วตลอด จนยางที่ติดรถมาส่งเสียงร้องประท้วงให้ลดความเร็ว หรือเบาลงได้แล้ว ก็ยังอยู่ในลิมิตที่ช่วงล่างยังเอาอยู่
เอาเป็นว่าเมื่อได้ทดลองขับแบบครบจบรอบ ก็จะรู้สึกได้ว่ารถยนต์รุ่นนี้ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ สมรรถนะด้านพละกำลังที่มีมาให้ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถือได้ว่าเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่คอนโทรลง่าย และให้ความคล่องตัวสูงในการใช้งาน
สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์ขนาดเล็กที่มีความโดดเด่นกับบุคลิกภายนอกที่มีการตกแต่งมาจากโรงงาน แล้วต้องการเอามาตกแต่งเพิ่มเติมด้วยความสนุกได้อีกตามใจชอบ ก็นับว่า SUZUKI SWIFT GL MAX EDITION เป็นตัวเลือกที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากราคาเริ่มต้นที่ไม่สูง และมีการใส่ชุดแต่งตัวถังมาให้อย่างครบครัน ส่วนเรื่องล้อยังไงคนที่ชอบการแต่งรถก็ต้องถอดเพื่อเปลี่ยนให้เป็นสไตล์ของตัวเองอยู่แล้ว
หรือถ้าใครอยากอัพเกรดในเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ ทั้งในเรื่องของเครื่องยนต์และช่วงล่างก็สามารถทำได้กันอีกหลายสเต็ป แต่ถ้าใครชอบการตกแต่งแบบพิเศษจากโรงงานในสไตล์นี้ และพอใจกับสมรรถนะในการขับขี่แล้ว ก็ถือว่าจบง่ายๆ กับราคา 541,000 บาทแบบพร้อมใช้ ซึ่งตัวเลขนี้เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ณ ปัจจุบันก็ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยนะจ๊ะ