ในปีนี้ค่ายซูซูกิได้มีการขยับปรับตัวเพื่อสู้ศึกในตลาดรถยนต์อย่างแข็งขัน โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ขนาดเล็ก (MPV) ที่ปีนี้มีความเดือดไม่ใช่น้อย และนับวันรถยนต์ในกลุ่มนี้ก็มีการเติบโตขึ้นอย่างน่าจับตามอง
SUZUKI XL7 คือตัวแทนรถยนต์อเนกประสงค์สายลุยของค่ายซูซูกิ แม้จะมีการออกจำหน่ายมาเป็นเวลาพักใหญ่แล้ว แต่ก็ได้มีการปรับปรุง เสริมแต่งให้ดูใหม่สดอยู่เสมอ และล่าสุดก็ได้มีการเพิ่มอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับยุคปัจจุบันเข้าไปอีกสองอย่าง นั่นก็คือ แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) กับกล้องบันทึกภาพด้านหน้ารถ (Digital VDO Recorder)
จุดเด่นต้องยกให้กับกล้องบันทึกภาพด้านหน้า ที่จะแสดงผลและสั่งการได้จากจอกลางขนาด 10 นิ้ว ซึ่งอยู่บริเวณกลางคอนโซล ทำให้ใช้งานง่าย สะดวก และดูภาพได้อย่างเต็มตา โดยใครที่ใช้ XL7 ตัวก่อนหน้านี้ ถ้าอยากได้ก็สามารถไปสั่งซื้อพร้อมติดตั้งได้ที่โชว์รูมซูซูกิทุกสาขา แต่ ณ วันที่เขียนยังไม่ทราบราคาจำหน่ายที่ชัดเจน โดยชุดติดตั้งจะเป็นจอกลางพร้อมตัวกล้อง (ใช้จอเดิมไม่ได้ เพราะระบบภายในไม่เหมือนกัน)
เสียดายนิดถ้าใส่กล้องที่ด้านหลังมาให้ด้วยก็จะยิ่งดีมาก เพราะจะได้กล้องติดรถยนต์แบบเต็มระบบ (เก็บภาพทั้งด้านหน้าและหลัง) แต่แน่นอนว่าถ้ามีการใส่เพิ่มมา ราคาก็จะเพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งจุดนี้ก็เป็นเรื่องอ่อนไหวในการทำราคามาลุยในตลาดรถยนต์อยู่พอสมควร
สำหรับ SUZUKI XL7 Multi-Dynamic Crossover มีราคาและสีรถให้เลือกดังนี้
สีรถ | ราคา |
สีส้ม สีเทาเข้ม สีดำ | 814,000 บาท |
สีขาว | 819,000 บาท |
สีทูโทน-ตัวรถสีส้มตัดกับหลังคาสีดำ | 824,000 บาท |
สีทูโทน-ตัวรถสีขาวตัดกับหลังคาสีดำ | 829,000 บาท |
เมื่อเทียบกับตัวก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่ามีการปรับราคาขึ้นมาอีก 15,000 บาท ซึ่งจริง ๆ แล้ว ณ ช่วงเวลานี้ ถึงแม้จะไม่มีการเพิ่มของ หรือใส่อุปกรณ์เพิ่มให้ ก็จะต้องมีการปรับราคาขึ้นตามกลไกตลาดอยู่แล้ว แต่จุดนี้ก็ต้องถือว่าซูซูกิเค้าให้ของเพิ่มเติมมาให้ ซึ่งถือว่าเค้าแคร์ในเรื่องของความรู้สึกลูกค้าอยู่พอสมควรทีเดียว
ถัดมากับเส้นทางที่เค้าจัดให้เราได้มาทดสอบ กับไฮไลต์อย่างการขับขึ้นดอยช้าง ซึ่งเป็นทางขึ้นเขาและต้องเจอกับโค้งแบบมากพอประมาณ โดยมีรูปแบบการขับขี่แบบเป็นขบวน ซึ่งรถคันที่เราได้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 4 คน ซึ่งน้ำหนักที่รถต้องแบกก็จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณสองร้อยกว่ากิโลกรัม
โดยครั้งนี้ผมรับบทเป็นผู้โดยสารที่ต้องนั่งอยู่ด้านหลัง (เบาะแถวสอง) เนื่องจากผู้ร่วมเดินทางจะมีอาการเมารถถ้าต้องนั่งหลัง หรือไม่ได้เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ก็ต้องถือว่า SUZUKI XL7 สามารถพาพวกเราขึ้นดอยช้างกับแบบง่าย ๆ สบาย ๆ แม้ว่าผู้ขับขี่จะเป็นผู้หญิงก็ตาม
พละกำลังที่มาจากเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ที่ไร้ระบบอัดอากาศ มีกำลัง 105 แรงม้า แรงบิด 138 นิวตันเมตร และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พาตัวรถขึ้นดอยช้างได้แบบไร้ปัญหา ซึ่งก็นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่จะช่วยการันตีถึงความมั่นใจได้ว่า รถยนต์รุ่นนี้สามารถพาคุณและครอบครัว หรือผู้ร่วมโดยสาร เดินทางไปในสถานที่อื่น ๆ ที่คุณต้องการได้แบบไม่ยาก
ความสูงของตัวรถก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่จะช่วยให้ผ่านอุปสรรคในการเดินทางไปได้แบบไม่ต้องกังวลมาก เพราะอย่างที่รู้ ๆ ว่าหลายเส้นทางของถนนในเมืองไทย มักจะมีอะไรให้เราต้องลุย ไม่ว่าจะฝนตกแล้วน้ำท่วม หรือการก่อสร้างถนนที่ต้องพบเจอแผ่นเหล็ก หลุมบ่อ หรือความต่างระดับของพื้นถนนแบบเซอร์ไพรส์ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่จะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับรถที่ท้องเตี้ย ๆ ไม่ใช่น้อย
แต่การเซ็ทรถให้มีความสูง เมื่อวิ่งทำความเร็วบนถนน หลาย ๆ คนอาจจะกังวลในเรื่องของการทรงตัวหรือการเกาะถนน แต่จากการที่ได้ลองรถรุ่นนี้มาหลายครั้ง ก็สามารถบอกได้ว่า SUZUKI XL7 เซ็ทช่วงล่างมาให้ได้อย่างค่อนข้างลงตัว และผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนจะชอบ กับความลงตัวในเรื่องของความสบายและสมรรถนะการเกาะถนนที่ทางซูซูกิเค้าจัดมาให้
แต่อย่าหลงว่าเจ้า SUZUKI XL7 จะพาคุณลุยได้ทุกที่นะ เพราะรถยังเป็นเพียงระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ไม่ใช่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่จะลุยแหลกได้ในทุกพื้นที่ ขอให้มองเฉพาะความได้เปรียบของความสูงใต้ท้องรถก็พอนะ ถ้าจะลุยก็ดูสภาพพื้นผิวของเส้นทางด้วยนะจ๊ะ
อ่อ……… ขอวกมาในเรื่องเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด กันซะนิด เผื่อใครมีอคติกับมัน ในมุมมองส่วนตัวที่อยากจะบอกคือ แม้มันจะดูเป็นเทคโนโลยีที่โบราณ (เพราะมีมานานแล้ว) แต่จุดเด่นของมันก็คือเรื่องของความทนทาน และการพัฒนาที่ถึงจุดที่ดีที่สุดของระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีดแล้ว (เพราะความที่มันทำมานานแล้วนั่นแหละ) จุดด้อยต่าง ๆ ถูกแก้ไขมาหมดแล้ว ปัญหาของการกระชากหรือกระตุกตอนเปลี่ยนเกียร์ ปัญหาพวกนี้ก็ไม่มีมานานแล้ว ความนิ่มนวลมีมาให้แบบไม่แพ้พวก CVT ด้วยซ้ำ
แต่ถ้าจะมองว่าความถี่ของอัตราทดมันสู้พวกเกียร์ 5, 6 หรือ 7 สปีดไม่ได้ ก็แน่นอนครับว่าไม่เถียง แต่ต้นทุนมันก็ต่างกันอีกพอสมควรนะ
ที่แชร์มุมมองเรื่องเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด นี่ไม่ได้แปลว่าจะให้ชื่นชมนะครับ แค่อยากไม่ให้ตั้งแง่ด้อยค่ามันเฉย ๆ เพราะมันเองก็พอมีดีในตัวเองอยู่หลายมุม ส่วนใครจะชอบหรือไม่ชอบก็แล้วแต่…
สรุปแบบรวม ๆ เลยก็แล้วกัน เขียนเยอะ ๆ กลัวคนขี้เกียจอ่าน 555 เอาเป็นว่าครั้งนี้ SUZUKI XL7 ได้มีการเพิ่มอุปกรณ์เข้ามา 2 อย่าง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและได้ใช้ตลอดเวลาแน่นอน ทั้งกล้องบันทึกภาพด้านหน้าและที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ส่วนเรื่องสมรรถนะการขับขี่ ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างไม่ต้องกังวล สามารถขับขี่ขึ้นเขาลงห้วย ไปท่องเที่ยว ไปทำธุระได้อย่างที่ใจต้องการ
ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งได้จริงทั้ง 3 แถว แต่ถ้านั่ง 7 คนครบ 3 แถว แล้วเดินทางท่องเที่ยวไปต่างจังหวัด ก็ต้องคำนวณในเรื่องสัมภาระที่จะต้องนำติดตัวไปให้ดี แต่ถ้าไป 5-6 คน นี่ขนสัมภาระสบาย ๆ ไม่ต้องคิดมาก
นับว่าเป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่ดูแล้วมีความคุ้มค่า และสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ แต่จะโดนใจท่านผู้อ่านไหม ก็ต้องลองตัดสินใจเองครับ ชอบแบบไหนจัดไปแบบนั้น เงินเราความชอบเรา เพราะบางเรื่องเราก็ใช้อารมณ์ตัดสินมากกว่าเหตุผลนี่เนอะ