“เมื่อถึงเวลา… ก็ย่อมมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น” สำหรับ Suzuki CIAZ ก็เช่นกัน หลังจากที่ได้มีการออกมาจำหน่ายเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็ถึงรอบของเวลาที่จะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดความสดใหม่ สวยงาม รวมถึงเพิ่มจุดเด่นเพื่อให้เกิดเสน่ห์แห่งแรงดึงดูดสำหรับผู้บริโภคที่กำลังจะตัดสินใจ
เริ่มต้นมาดูการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกกันก่อน กระจังหน้าใหม่ถูกเปลี่ยนใหม่ให้เป็นสไตล์สปอร์ตที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งก็กลมกลืนเข้ากับไฟหน้าได้อย่างลงตัว ส่วนไฟหน้าก็ได้เปลี่ยนไปเป็นแบบโปรเจคเตอร์ LED ซึ่งก็มาพร้อมไฟหรี่แบบ LED เช่นกัน นอกจากนั้น ยังมีการใส่ชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคันพร้อมสปอยเลอร์หลังไดนามิก และบ่งบอกถึงความเป็นที่สุดในรุ่นกับEmblem RS ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของตัวท็อปสุดของ Suzuki CIAZ โฉมนี้นั่นเอง
สำหรับภายในห้องโดยสารใครหลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี กับการดีไซน์เรียบ ๆ ที่แฝงไว้ด้วยอารมณ์สปอร์ต โดยมีจุดเด่นที่ความกว้างขวาง นั่งสบาย โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณด้านหลังที่สามารถรองรับคนตัวสูงใหญ่ได้อย่างไร้ความกังวล แถมยังมีช่องแอร์ไว้คอยเอาใจผู้โดยสารที่นั่งด้านหลังอีกด้วย
ไม่เพียงแต่เท่านั้น ยังสามารถเชื่อมต่อทุกความบันเทิงด้วยจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay และยังมาพร้อมกับกล้องมองหลัง และเซ็นเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือน ที่จะคอยให้ความปลอดภัยในเวลาถอยหลังด้วย
ขุมพลังยังเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดิมที่มีความจุ 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 91 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปที่ล้อคู่หน้าด้วยเกียร์ซีวีที ซึ่งขุมกำลังชุดนี้ทางเจ้าหน้าที่ของซูซูกิบอกว่ามีจุดเด่นที่ความทนทาน การบำรุงรักษาทำได้ง่าย และไม่จุกจิก
ในเรื่องของระบบความปลอดภัยก็มีมาให้ตามมาตรฐานทั้งระบบเบรก ABS/EBD, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS และโครงสร้างตัวถัง (TECT) ออกแบบพิเศษจากเหล็กกล้าทนทานสูง
โดยการทดลองขับในครั้งนี้จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะแบ่งเป็นผู้ร่วมทดสอบ 4 คน ต่อรถหนึ่งคัน ซึ่งเส้นทางที่ผมได้ลองขับจะเป็นเส้นทางขึ้นเขาที่มีโค้งคดเคี้ยวค่อนข้างเยอะ ด้วยลักษณะของตัวรถที่เป็นอีโคคาร์แบบซีดานซึ่งมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ แถมมีผู้ร่วมเดินทางแบบเต็มคัน ก็ถือว่าเป็นภาระหนักมากพอควรสำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่มีขนาดแค่ 1.2 ลิตร
แต่ในการขับขี่จริงเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรตัวนี้ ก็สามารถรองรับการใช้งานได้ค่อนข้างดีทีเดียว พละกำลังถึงจะไม่ได้มีมากมายนัก แต่ก็ไม่ได้สร้างความรู้สึกอืด หรืออึดอัดในการขับขี่ การขับขี่ขึ้นเขาทำได้อย่างสบาย ๆ แถมยังมีพละกำลังเหลือไว้สำหรับการเร่งแซงรถช้าที่อยู่ด้านหน้าได้อีกด้วย
ส่วนการบรรทุกคนเต็มคันรถแม้จะเป็นการสร้างภาระในเรื่องของน้ำหนัก แต่ถ้าคุณเข้าใจจังหวะการขับขี่ และไม่ใจร้อนวู่วาม คุณก็จะขับขี่รถยนต์รุ่นนี้ได้อย่างสบาย ๆ (แบบอยากไปไหนก็ไปได้) แต่ถ้าคุณยังไม่เข้าลักษณะนิสัยของตัวรถ ก็อาจจะมีอารมณ์หงุดหงิดได้ในบางเวลา และรถรุ่นนี้ก็ไม่เหมาะกับคนใจร้อน หรือพวกหัวร้อนง่าย
ในส่วนของช่วงล่างเน้นการเซ็ทอัพให้ออกเป็นแนวนิ่มนวล แต่เมื่อมีการใช้ความเร็วที่สูงพอประมาณ และต้องเจอกับโค้งแบบต่อเนื่อง การทำงานของช่วงล่างก็ยังโชว์สมรรถนะที่ดีแบบให้ความมั่นใจได้อยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ขับขี่ก็ต้องมีความเข้าใจและคุ้นเคยกับตัวรถก่อน และไม่ควรใช้ความเร็วที่สูงจนเกินไป เพราะพื้นฐานรถเค้าออกแบบมาให้เป็นอีโคคาร์ประเภทขับง่ายนั่งสบาย ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็รีวิวโดยยึดหลักมาตรฐานจากความเป็นอีโคคาร์นั่นเอง
เรื่องการโดยสารก็นับว่านั่งสบายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ระบบปรับอากาศเย็นฉ่ำแม้ว่าจะเจอกับอุณหภูมิภายนอกที่ค่อนข้างร้อนและแดดแรงจัด ที่นั่งด้านหลังสามารถรองรับคนที่มีความสูงระดับ 180 เซนติเมตรได้อย่างสบาย ๆ โดยเฉพาะพื้นที่วางขานั้นมีความกว้างมาให้ค่อนข้างมาก
สำหรับใครที่อยากได้รถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในด้านการโดยสาร ที่เน้นมีเพื่อนร่วมทางเยอะ ๆ ต้องการที่เก็บของด้านท้ายขนาดใหญ่ เป็นรถที่ใช้งานได้ง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่วุ่นวายและไม่จุกจิก ก็ถือได้ว่าคุณคือลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ Suzuki CIAZ ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีการปรับปรุงให้มีความครบครันกับสิ่งที่ควรจะต้องมีในการใช้งาน กับราคาที่ตั้งไว้ในช่วง 5.23 – 6.75 แสนบาท แม้ปัจจุบันจะมีคู่แข่งจำนวนมากในตลาด แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้เหมาะสม เพราะความชอบและความต้องการของคนเราไม่เหมือนกันนั่นเอง
ปิดท้ายสำหรับการรีวิวกันแบบคร่าว ๆ กันเพียงเท่านี้ เอาไว้ถ้าทาง Drive Motoring ได้คิว Suzuki CIAZ มาแบบเทสเดี่ยว ก็จะนำมารีวิวในอีกหลาย ๆ แง่มุมเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคุณผู้อ่านในเวลาต่อไป…