ก่อนจะเริ่มต้นเข้าเรื่องของตัวรถ ขอมาเริ่มกับประเด็นร้อนในเรื่องตัวเลขของราคากันก่อน เพราะตอนเปิดราคามาก็ทำให้หลายคนสะดุ้ง เนื่องจากโดดจากเพื่อนในกลุ่มไปหลายตังอยู่ แล้วก็เป็นตัวเลขที่เกินคาดของเหล่าบรรดาสื่อมวลชนที่กำลังจับตามอง จึงเกิดเป็นประเด็นร้อนที่หลายคนพูดถึงกันพอสมควรกับการตั้งราคาจำหน่าย
“สินค้าเมื่อมีราคาสูง ความคาดหวังก็ย่อมสูงเป็นธรรมดา”
แต่ความคุ้มค่าของแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน “อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล” #คนซื้อไม่บ่น #คนบ่นไม่ซื้อ แล้วคนฮอนด้าเองก็หัวน่าจะปวด ”เพราะคนตั้งราคาไม่ใช่คนขาย ส่วนคนขายก็ไม่ใช่คนตั้งราคา” ซึ่งบทสรุปของทฤษฎีที่แท้จริง ก็ขอให้รอดูที่ยอดขาย… แต่อีกมุมถ้ายอดขายไม่สูง แต่ผลกำไรมากพอและทะลุเป้า มันก็น่าพึงพอใจกว่ายอดขายเยอะ ๆ แต่กำไรนิดเดียวป่ะ #เป้าหมายของธุรกิจคือผลกำไร
“แต่มุมของผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็คาดหวังของดีราคาถูกนั่นแหละ”
เรื่องมุมมอง การตั้งราคา และบทสรุป เป็นเรื่องที่น่าจับตามอง ซึ่งก็น่าจะเป็นบทเรียนให้เราศึกษาต่อไปได้เป็นอย่างดี ส่วนเรื่องตัวรถ เท่าที่ได้ลองสัมผัสก็บอกได้เลยว่าดี สมรรถนะดี อัตราเร่งดี ช่วงล่างเกาะถนน และให้ความสบายในการขับขี่และการโดยสารที่ดี ส่วนการเซ็ทติ้งพวงมาลัยถือว่าประเสริฐมาก #เรื่องสมรรถนะนับว่าเด่น
เริ่มจากเรื่องการออกแบบภายนอกกันก่อน แต่คงไม่เสียเวลากันเยอะ ครั้งนี้การออกแบบทำได้สวยงามลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นหรือหวือหวาเหมือนเพื่อนบางค่าย ส่วนใครจะชอบหรือไม่ชอบก็แล้วแต่รสนิยมส่วนตัว
ด้านขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที รองรับเชื้อเพลิงได้ถึง E20 โดยผสานการทำงานร่วมกับระบบเกียร์ CVT ก่อนส่งกำลังไปที่ล้อคู่หน้า
อัตราเร่งสำหรับรถประเภทนี้ BR-V ถือว่าทำได้ดี และไม่น่ามีใครบ่น… ความเร็วสูงสุดฮอนด้าล๊อกไว้ที่ 160 กม./ชม. ส่วนบนเรือนไมล์ ผมทำได้เกือบแตะ ๆ 170 กม./ชม. ซึ่งน่าจะมาจากกระแสลมและความอ่อนของเข็มไมล์
อัตราเร่งแซงเพื่อนร่วมทาง หรือช่วง 80-120 กม./ชม. ถือว่าทำได้ดีพอสมควรตามความรู้สึก ไม่อืด และไม่ต้องกังวลว่าจะแซงไม่พ้น มันทำได้ดีในพิกัดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงฮอนด้าเคลมไว้ที่ 16.1 กม./ลิตร แต่เท่าที่ลองขับแบบเดินทางไกล (นอกเมือง) ถ้าขับแบบปกติตามสไตล์ผม (ความเร็วไม่สูง แต่มีใช้คันเร่งหนักบ้าง) จะอยู่ที่ประมาณ 17.5 กม./ลิตร ส่วนบางจังหวะขับแบบไหล ๆ เน้นไม่ใช้คันเร่งเปลือง ตัวเลข 21 กม./ลิตร นี่ก็มีให้เห็น แต่ถ้าช่วงใช้คันเร่งเปลือง ๆ ตัวเลข 14.5 กม./ลิตร ก็ปรากฏ
“ส่วนอัตราความสิ้นเปลืองในเมืองนี่ขอเวลาตอนได้รถมาทดสอบเดี่ยวก่อน แล้วจะทำให้เพิ่มเติมนะจ๊ะ”
ช่วงล่าง นุ่ม เฟิร์ม และซับแรงจากพื้นผิวถนนได้ดี ช่วงขับผ่านฝาท่อ หรือหลุมของตะแกรงระบายน้ำ ที่ตำแหน่งการวางไม่ควรมาอยู่บนนถนนก็เก็บอาการได้ดี แถมช่วงใช้ความเร็วก็ยังให้ความมั่นใจในการยึดเกาะถนนที่ดีตามสไตล์ของฮอนด้าอีกด้วย แต่ถ้ามีการนั่งแบบเต็มพิกัด 7 ที่นั่ง หรือมีโหลดหนัก ๆ อาการรถจะออกมาแบบไหนนั้น ยังไม่มีโอกาสได้ลองนะ แต่เดาว่าเรื่องนี้ฮอนด้าน่าจะทำการบ้านมาดีพอควร แต่เอาเป็นว่ายังไม่ได้ลองเอง ก็ยังบอกไม่ได้
ระบบเบรกก็ถือว่าไว้วางใจได้นะแม้ครั้งนี้จะยังไม่ได้มีการทดลองเบรกแบบหนัก ๆ เพื่อดูอาการ เพราะการเทสกลุ่มจะมีเพื่อนสื่ออื่นร่วมโดยสารไปด้วย จึงเป็นเหตุผลในการที่เราต้องมีความเกรงใจกันบ้างถ้าจะทำการลองแบบหนัก ๆ แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าจะให้ดีใส่เป็นดิสก์หลัง พร้อมเบรกมือไฟฟ้าและ auto hold มาให้จะเฉียบมาก และมันก็น่าจะลดคำบ่นจากราคาค่าตัวเกือบแตะล้านลงมาได้พอสมควร
ห้องโดยสารนั่งได้ 7 คนแหละ แต่แถวสามต้องนั่งชันเข่าหน่อยนะ และต้องมีการเลื่อนเบาะจัดสรรเนื้อที่ให้ลงตัว เบาะแถวกลางต้องปรับเลื่อนมาด้านหน้าซะหน่อย เพื่อให้เบาะแถวสามมีพื้นที่มากขึ้น เพราะถ้าเบาะแถวสองไม่ขยับพื้นที่ให้… เบาะแถวสามก็จะไม่มีพื้นที่ให้คนนั่งแถวสามวางขา ส่วนรวม ๆ บรรยากาศในห้องโดยสารก็ให้ความรู้สึกไม่ค่อยโปร่งโล่งเท่าไหร่ แต่ระบบทำความเย็นหนาวทั่วถึงไม่ต้องห่วง
“ส่วนความเงียบภายในห้องโดยสาร ก็ถือว่าฮอนด้าทำออกมาได้ดี”
ขัดใจกับการปรับพวงมาลัยที่ทำได้แค่ 2 ทิศทาง แถมระยะปรับก็น้อยด้วย แต่ยังดีเมื่อเลื่อนปรับเบาะมาแล้วตำแหน่งท่าขับขี่ยังลงตัว แม้ยังไม่เป่ะอย่างที่ชอบก็ตาม แต่ก็ถือว่ายังพอใช้ได้ ส่วนจอเครื่องเสียงทำงานได้ดีนะ เสียบสายต่อกับไอโฟน Apple CarPlay ก็ทำงานอย่างว่องไว แต่ยุคนี้จอขนาด 7 นิ้ว มันเล็กไป ดูไม่สบายตาแล้วล่ะ จริง ๆ อยากให้ช่วยอัพขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นอีกก็น่าจะดี
อ่อ…… ฮอนด้าเค้าบอกเน้นเป็นรถครอบครัว แต่ช่อง USB มีมาให้แค่ 2 ช่องด้านหน้า…. สำหรับยุคนี้มันน้อยไปนะจ๊ะนายจ๋า
กล้องรอบทิศทางจริง ๆ ในยุคนี้ ราคานี้ก็ควรจะมีมาให้ด้วยนะ อันนี้ก็ทำให้ดูด้อยลงไปอีกนิด และจริง ๆ กล้องรอบคันในยุคปัจจุบันก็เป็นสิ่งจำเป็นกับผู้ขับขี่สมัยใหม่หลาย ๆ คน เข้าใจว่าแม้ในรุ่นพี่ ๆ ที่แพงกว่าก็ยังไม่มี แต่ของมันควรจะมีได้แล้วก็น่าจะใส่มาให้ด้วยเลย
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) ถ้าใครชื่นชอบระบบนี้ และกำลังจะซื้อรถในกลุ่มนี้ ก็จัด BR-V ได้เลย เพราะมีอยู่แค่รุ่นเดียวในกลุ่ม และการใช้งานจริงก็ถือว่าดี การตอบสนองค่อนข้างไว และการจับระยะห่างจากรถคันหน้าถือว่าโอเค แม้ยังเป็นระยะที่ชาวบ้านชอบแทรกให้เกิดความหงุดหงิดและอันตรายก็ตาม (อันนี้เป็นเรื่องพฤติกรรมการขับขี่ของคนไทย)
แต่ส่วนตัวปกติระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน แทบไม่เคยใช้งานเลยในการขับขี่นอกจากตอนเอารถมาทดสอบ แล้วลองระบบเท่านั้น จึงมีความคิดว่าไม่ได้จำเป็นเลย เพราะอีกอย่างพฤติกรรมการขับรถของคนไทย เมื่อเจอช่องว่างระหว่างคันแบบนี้ ก็มักจากปาด จะแทรกให้เรารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยอีก ดังนั้นส่วนตัวถ้าเป็นไปได้เอาระบบนี้ไปแลกกับดิสก์เบรกหลังพร้อม Auto Hold ได้ไหม !? เพราะมันจะเป็นระบบที่ได้ใช้ในทุกครั้งของการขับขี่อย่างแน่นอน
โดยรวมถ้าคุณชอบก็ซื้อได้เลย ไม่ผิดหวังหรอก รถขับดี ขับสนุก แต่ถ้าไม่ชอบก็ยังมีตัวเลือกอีกหลายตัว… ซึ่งก่อนจะเสียตังก็ควรจะพิจารณาเลือกเอาให้ตรงใจก่อน จุดดีบางจุดถ้าคุณไม่ชอบก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนจุดด้อยบางอย่างถ้าไม่ใช่ปัญหาของคุณ คุณก็ไม่ต้องใส่ใจ “เงินคุณ ความชอบคุณ เพราะฉะนั้นอย่าได้แคร์”