แม้ว่าโตโยต้าจะมีการเปิดตัว รีโว่ ไมเนอร์เชนจ์ เป็นจำนวนถึง 40 รุ่นย่อย เพื่อหวังจะตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคในตลาด โดยครั้งนี้ถือว่าเป็นการปรับใหญ่ที่น่าจะมีสิ่งโดนใจใครหลายคน แต่สำหรับการรีวิวแบบสั้นๆ ครั้งนี้จะเป็นเรื่องราวของ “รีโว่ ร็อคโค่” ซึ่งถือว่าเป็นตัวท๊อปของไลน์การผลิตรีโว่นั้นเอง
หลังจากมีการแนะนำเปิดตัวไปไม่นาน ทางโตโยต้าก็ได้จัดให้กข่าวไดมีการทดลองขับ “รีโว่ ร็อคโค่” ในสนามของโตโยต้า ไดร์ฟวิ่ง เอ็กซ์พรีเรียนซ์ พาร์ค (TOYOTA Driving Experience Park) โดยมีสเตชั่นต่างๆ ให้ได้ลองสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ได้รับการเปลี่ยนแปลง
จุดหลักๆ ของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้นอกเหนือไปจากรูปร่างหน้าตาทั้งภายในและภายนอกก็คือ เครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีกำลังเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากเดิมมีกำลัง 177 แรงม้า ก็กลายเป็น 204 แรงม้า ส่วนแรงบิดจากเดิม 450 นิวตันเมตร ก็เพิ่มเป็น 500 นิวตันเมตร โดยกำลังที่เพิ่มขึ้นมานั้นไม่ใช่เกิดจากการรีแมทกล่อง ECU อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มันเกิดมาจากการเพิ่มการเคลือบสาร Diamond-liked ที่แหวนรองลูกสูบเพื่อลดแรงเสียดทาน รวมถึงการใช้หัวฉีดน้ำมัน i-Art ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และได้มีการเปลี่ยนเทอร์โบแบบใหม่อีกด้วย
ถัดมาก็เป็นระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยเฉพาะที่ด้านหลังได้มีการเปลี่ยนมาใช้แหนบแบบ 3 แผ่น พร้อมปรับจูนโช้คอัพใหม่เพื่อเน้นในเรื่องของความนิ่มนวล และสมรรถนะในการยึดเกาะที่ดีขึ้น ส่วนสุดท้ายก็เป็นในเรื่องของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่จัดเต็มมาให้แล้วในครั้งนี้
เริ่มต้นของการลองขับขี่กับสนามที่มีการเซ็ทสเตชั่นเอาไว้ให้ลองระบบไฮเทคที่ช่วยในเรื่องความปลอดภัย กับการให้ลองขับแบบเผลอๆ แล้วปล่อยให้รถวิ่งออกนอกเลน เมื่อระบบของรถทำงานและจับอาการได้ ระบบก็จะมีการเตือนและช่วยดึงรถให้กลับเข้ามาอยู่ในเลนของตัวเอง ซึ่งระบบก็ถือว่าทำงานได้ดีถ้ามันจับเส้นของถนนได้และอยู่ในโหมดที่พร้อมทำงาน แต่ในการลองของผม บางรอบตัวรถไม่สามารถจับการทำงานได้ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยโดยรอบอื่นๆ ด้วย ดังนั้นถึงตัวรถจะมีระบบไฮเทคมาช่วย ก็ยังต้องมีสติในการขับรถ และอย่าประมาท
ถัดมากับการขับแบบสลาลมและการเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน รวมถึงการเข้าโค้งแคบด้วยความเร็วแบบพอประมาณ การปรับปรุงใหม่ของระบบช่วงล่างก็แสดงสมรรถนะให้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น รถมีการทรงตัวที่ดี ควบคุมง่าย และไม่มีเสียอาการให้รู้สึกหวาดเสียว ทำให้ควบคุมได้มั่นใจขึ้น จนเมื่อได้มีโอกาสลองรอบสองก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้นมากกว่ารอบแรก ตัวรถก็ยิ่งแสดงถึงสมรรถนะที่ชัดเจนขึ้น
จากนั้นได้มีการให้ลองขับขึ้นสะพานจำลองที่มีคอสะพานแบบโหดๆ คล้ายๆ สถานที่จริงในหลายที่ โดยให้ใช้ความเร็วประมาณ 30 กม./ชม.รวมถึงการให้ขับบนถนนจำลองที่มีพื้นผิวขรุขระซึ่งเป็นการจำลองสภาพพื้นผิวถนนแบบแย่ๆ มานั่นเอง ซึ่งการลองในช่วงนี้ช่วงล่างที่มีการปรับปรุงใหม่แสดงให้เห็นถึงความนิ่มนวล ซึ่งให้ความสบายในการโดยสาร ยิ่งโดยเฉพาะผู้โดยสารทางด้านหลังจะรู้สึกถึงความนิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน และการเก็บเสียงก็ทำได้ดีขึ้นมากด้วย รวมถึงการส่งแรงสะท้อนมาที่พวงมาลัยก็น้อยมาก ซึ่งการลองสเตชันนี้ทำให้รู้สึกประทับใจถึงการเซ็ทช่วงล่างที่ดีขึ้น และการลดการเด้งหรือการเต้นของแหนบก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม
เอาจริงๆ สำหรับคนที่เล่น หรือชอบแต่งรถ แหนบด้านหลังที่ทางโตโยต้าเค้าปรับปรุงใหม่ ก็อารมณ์คล้ายๆ กับแหนบซิ่งที่ใครหลายคนไปเปลี่ยน ไปโมกับสำนักแต่งนั่นแหละ แต่การทำมาเลยโดยมาตรฐานจากโรงงานโตโยต้า แน่นอนว่าเราจะมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานได้มากกว่า แล้วถ้าใครใช้ตัวเก่าแล้วจะไปเบิกแหนบใหม่มาเปลี่ยนนั้น บอกเลยว่าไม่ง่าย เพราะจุดยึดและตำแหน่งต่างๆ ก็ถูกปรับเปลี่ยนไปพอสมควร ไม่ใช่เบิกของใหม่มาแล้วจะเปลี่ยนแทนของเก่าแบบจบได้เลยนะจ๊ะ
ส่วนในช่วงของการลองอัตราเร่ง ตรงนี้ขอบอกก่อนว่าอย่าเพิ่งคาดหวังว่า 204 แรงม้าที่ได้มาจะมีนิสัยดุดันเป็นรถกระบะซิ่งแบบที่วัยรุ่นวัยแรงเค้าเอาไปแต่งกัน เพราะเครื่องยนต์ตัวนี้ถูกปรับมาให้ออกเป็นแนวสมูทๆ เนียนๆ และตอบสนองในการขับขี่ที่ดีขึ้นมากกว่า โดยการลองเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์ในครั้งนี้ถือว่ามีระยะทางและเวลาสั้นมาก จึงยังไม่ขอบรรยายรายละเอียดมากนัก ขอติดไว้ตอนได้ลองขับยาวๆ กับสภาพการขับขี่ใช้งานจริงก่อน เพราะน่าจะได้เห็นนิสัยจริงๆ ของเครื่องยนต์ตัวนี้ได้มากและชัดเจนขึ้น แต่เบื้องต้นบอกได้ว่าเครื่องยนต์มีการตอบสนองที่ดี เรียกความเร็วได้ง่ายแบบนิ่มนวล และในส่วนของอัตราเร่งน่าจะดีขึ้นกว่าเดิมแบบเนียนๆ ในส่วนของเกียร์ออโต้ก็ทำงานนุ่มนวล อัตราทดมีความต่อเนื่องแบบลงตัว
ถัดมากับสเตชันออฟโรด ที่ได้มีการให้ลองขึ้นภูเขาจำลองซึ่งมีความเอียงประมาณ 40 องศา โดยมีการให้จอดคาทางชันไว้เพื่อให้ลองระบบตัวช่วยป้องกันไม่ให้รถไหลลงขณะปล่อยเบรกแล้วมาเหยียบคันเร่ง HAC (ป้องกันการไหลประมาณ 3 วินาที) ซึ่งระบบก็ทำงานได้ดี รวมถึงพลังของเครื่องยนต์ที่สามารถปีนไต่ทางชันได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้คันเร่งหรือรอบเครื่องเยอะๆ เลย เพียงแค่แตะคันเร่งเบาๆ ตัวรถก็สามารถปีนไต่ทางชันได้อย่างสบายๆ
ส่วนตอนลงจากภูเขาจำลองก็ได้มีการให้ลองระบบตัวช่วยชะลอความเร็วของตัวรถ (DAC) โดยระบบนี้จะช่วยเหลือได้ดีกับบุคคลที่มีประสบการณ์ไม่มาก กับการขับขี่ในเส้นทางลาดชันแบบโหดๆ โดยจะช่วยให้มีความปลอดภัยและไม่ตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวระบบจะมีการทำงานที่ค่อนข้างจะรวดเร็ว และมีเสียงในการทำงานที่เบาพอสมควร
เมื่อลงจากภูเขาจำลองแล้ว ก็ได้มีการให้ลองในสเตชันของเนินสลับแบบโหดพอประมาณ เพื่อให้รู้จักกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อได้ดีมาขึ้น โดยอุปสรรคของเส้นทางที่จำลองไว้นั้น ตัวรถสามารถผ่านไปได้แบบง่ายๆ เพียงแค่ประคองพวงมาลัยให้ตรงเฉยๆ เพราะระบบเคลื่อนในตัวรถจะพาคุณผ่านไปแบบไม่ต้องกังวล แม้ในการขับขี่จะมีล้อที่ลอยขึ้นจากพื้นสลับไปมาเป็นระยะๆ ก็ตาม แถมอาการต่างๆ ที่ส่งเข้ามายังห้องโดยสาร หรือที่พวงมาลัยของผู้ขับขี่ก็แสดงให้รับรู้น้อยมาก ก็ถือว่ารถสามารถผ่านเส้นทางต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคได้อย่างง่ายๆ และสบายๆ
บทสรุปเบื้องต้นสำหรับ “ รีโว่ ร็อคโค่” คันนี้ที่มีราคา 1,239,000 บาท กับการทดลองขับแบบสั้นๆ ในครั้งนี้ ก็ถือได้ว่าสร้างความประทับใจได้ดีในระดับนึงโดยเฉพาะในเรื่องของช่วงล่างที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงใหม่ แต่ถ้าให้ชัวร์ก็ขอให้รอการทดลองขับขี่จริง แบบการใช้งานในชีวิตประจำวันดีกว่า เพราะนั่นจะทำให้เราได้เห็นอะไรต่างๆ ของรถยนต์รุ่นนี้ได้อย่างชัดเจนขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นพลังของเครื่องยนต์ที่จะมีสมรรถนะเป็นอย่างไร เมื่อต้องเจอกับสภาวะการขับขี่จริงบนท้องถนน รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่ จะตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำได้ดีแค่ไหน ยังไงก็ขอให้ท่านผู้อ่านอดใจรออีกนิดครับ…