การที่จะหารถเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย นับว่าเป็นเรื่องยากพอสมควร เนื่องจากถ้าต้องการรถที่มีอรรถประโยชน์เยอะๆ ใช้งานได้สารพัดประโยชน์ ราคาค่าตัวของรถยนต์แบบนั้นก็จะอยู่สูงจนยากที่จะสัมผัส ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัว หรือคนที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นในอะไรหลายๆ อย่าง
ALL NEW SUZUKI XL7 รถยนต์อเนกประสงค์แนวครอสโอเวอร์ที่เพิ่งมีการเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ ก็นับเป็นรถยนต์อีกหนึ่งตัวเลือกที่มีความน่าสนใจ โดยหลังจากมีการเปิดตัวก็ได้มีการจัดทริปทดสอบแบบกลุ่ม ในเส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาใหญ่-กรุงเทพฯ เพื่อให้เหล่าบรรดาสื่อมวลชนได้สัมผัสตัวรถกันอย่างรวดเร็ว
ในส่วนของรายละเอียของตัวรถ ถ้าอยากพิจารณาอย่างละเอียดก็แนะนำว่ากดดูได้ในลิ้งค์ข่าวตอนเปิดตัว https://drivemotoring.com/2020/07/02/ซูซูกิ-รุกตลาดครอสโอเว/ เพราะบทความนี้เราจะเน้นที่ประสบการณ์ในการขับขี่ รวมถึงนิสัยใจคอของรถรุ่นนี้เป็นสำคัญ
เริ่มต้นก่อนออกเดินทางได้มีการสาธิตระบบเครื่องเสียงที่ใช้จอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ (10 นิ้ว) ที่สามารถทำการเชื่อมต่อกับมือถืออย่างไอโฟนด้วยสาย HDMI เพื่อให้แสดงภาพบนจอได้ ซึ่งจุดนี้น่าจะโดนใจคนชอบดูหนัง หรือครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ แถมระบบเสียงก็ยังเป็นแบบเซอร์ราวรอบทิศทางด้วย ซึ่งเสียงที่ออกมาก็มีคุณภาพค่อนข้างดี จนเชื่อว่าใครหลายคนจะไม่ต้องวุ่นวายเสียเงินเพิ่มกับระบบเครื่องเสียงอีก
เมื่อจบการสาธิตก็ถึงเวลาออกเดินทาง เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลัง 105 แรงม้า แรงบิด 138 นิวตันเมตร ถูกสตาร์ทติดขึ้นอย่างง่ายดายด้วยปุ่ม push start เสียงเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาถือว่าเงียบใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนระบบส่งกำลังนั้นเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัตแบบ 4 สปีด ที่มีทั้งคนชอบและไม่ชอบในเรื่องของเทคโนโลยี แต่เมื่อมันประจำการอยู่ในรถรุ่นนี้กันแล้ว มันจะดีหรือไม่ดียังไง เดี๋ยวรู้กัน!
การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งรวมถึงการขับขี่ในช่วงความเร็วต่ำ XL7 สามารถทำหน้าที่ได้ดี อัตราเร่งมีมาให้แบบทันใจ ไม่เป็นภาระใครบนท้องถนน การทำงานของเกียร์อัตโนมัตแบบ 4 สปีด ก็มีความนุ่มนวล รวมถึงอัตราทดที่ต่อเนื่องดี สามารถลื่นไหลไปกับการจราจรที่หนาแน่ได้อย่างคล่องตัว
ถัดมากับการขับขี่แบบเดินทางไกลที่เจอรูปแบบการจราจรอันหลากหลาย การเดินทางครั้งนี้เราใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด คือ เฉลี่ยที่ไม่เกิน 120 กม./ชม. แต่ในบางครั้งในจังหวะช่วงเร่งแซงรถบรรทุก หรือรถวิ่งช้าแต่แช่ขวา ความเร็วก็จะเกินเลยไปบ้างตามจังหวะการขับขี่ที่ปลอดภัย
ซึ่งในการเดินทางที่ใช้ความเร็วปานกลางมาถึงค่อนข้างสูง ช่วงจังหวะการเร่งแซงต้องเผื่อเวลาและระยะทางไว้ซะหน่อย แต่ดีที่เส้นทางที่เราใช้นั้นหลักๆ จะไม่ใช่ถนนเส้นเล็กที่เป็นเลนสวน โดยในการเดินทางครั้งนี้ในรถมีผู้โดยสาร 3 คน และอุปกรณ์ในการทำงานอีกพอประมาณ ซึ่งถ้าให้เดาน้ำหนักที่รถต้องแบกอยู่ ก็น่าจะประมาณราวๆ ไม่เกินสองร้อยห้าสิบกิโลกรัม ดังนั้นถ้าในการเดินทางที่คุณมีภาระของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะมาจากบุคคลหรือสิ่งของ สมรรถนะของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรนี้ ก็น่าจะถูกลดทอนลงไปอีก แต่มันก็ไม่ได้ถือว่าเป็นปัญหาในการเดินทางนะ ถ้าคุณรู้จักลักษณะนิสัยของตัวรถ และเข้าใจจังหวะในการใช้งานมันดี
แม้สมรรถนะของเครื่องยนต์จะไม่ได้โดดเด่นจนต้องร้องว้าว แต่มันก็เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือเดินทางไกล ถ้าถามว่าขึ้นเขาไหวไหม โดยส่วนตัวแม้ยังไม่ได้ลองกับเส้นทางแบบชันๆ โหดๆ แต่จากที่สัมผัสกับสมรรถนะของอัตราเร่งตีนต้น รวมถึงความรู้สึกในการขับขี่แล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร… พร้อมลุยได้!
ส่วนอัตราความสิ้นเปลืองจุดนี้ดูจากจอของตัวรถ และต้องถือว่าเป็นตัวเลขความสิ้นเปลืองแบบเดินทางไกล ด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด โดยผู้ขับขี่ไม่ได้ปั้นหรือพยายามขับให้ได้ตัวเลขสวยๆ แต่เป็นการขับขี่ตามสถานการณ์จริง ซึ่งมีการคิ๊กดาวเพื่อเร่งแซงบ้าง ลองกดคันเร่งหนักๆ เพื่อให้รู้นิสัยรถหรือความเร็วในการตอบสนองบ้าง และเป็นการขับขี่แบบสลับตัวผู้ขับถึงสามคน โดยตัวเลขอัตราความสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ออกมานั้นอยู่ที่ 15.3 กม./ลิตร ซึ่งนับว่าสวยงามเลยทีเดียวกับรถสไตล์แบบนี้
ในส่วนของช่วงล่างที่ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังเป็นแบบ ทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง นั้นถือว่าทำได้ดี มีการซับแรงสะเทือนหรือกระแทกได้ในระดับที่น่าพอใจ การบังคับควบคุมก็ทำได้ง่ายเชื่องมือ ขับแล้วมั่นใจไม่เหนื่อย และไม่ต้องกังวลกับการขับขี่ ส่วนการเข้าโค้งด้วยความเร็วแม้รถจะมีความสูง แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้น่ากลัว หรือรู้สึกไม่มั่นใจ
ระบบเบรกที่เป็นหน้าดิสก์ หลังดรัม ก็สามารถรองรับการใช้งานได้ดีสำหรับการขับขี่ในครั้งนี้ โดยยังไม่พบหรือเจออาการอะไรที่น่าเป็นห่วง การเบรกทุกครั้งก็ยังให้ความมั่นใจที่ดี
และสำหรับการเดินทางครั้งนี้ผมได้มีการลองนั่งโดยสารในทุกตำแหน่งของรถ ซึ่งก็ต้องขอชื่นชมกับความสบายในทุกตำแหน่งที่นั่ง โดยเฉพาะที่นั่งของเบาะแถวสามที่นั่งได้จริง โดยคนที่มีความสูงระดับ 170 ซม. ไม่น่าจะมีเสียงบ่นใดๆ กับการเดินทางไกลแบบรวดเดียวระดับ 200 กิโลเมตร การนั่งไม่ต้องชันเขาแบบในรถหลายๆ รุ่นที่มีเบาะแถวสาม เนื้อที่วางขามีให้แบบพอสบายๆ แต่มีเงื่อนไขว่าผู้นั่งแถวสองจะต้องเลื่อนเบาะไปข้างหน้าเพื่อช่วยเพิ่มระยะด้วย ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะก็มีพอให้แบบสบายๆ เช่นกัน แถมความสบายจากช่วงล่างก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกกระเด้งกระดอนอีกด้วย
ที่สำคัญและชอบมากอีกอย่างหนึ่งกับระบบปรับอากาศที่ให้ความเย็นฉ่ำอย่างทั่วถึง แม้ว่ารถที่เราทำการทดสอบนั้นจะไม่ได้มีการติดฟิล์มมา และแดดภายนอกก็ร้อนมาก แต่ระบบปรับอากาศก็ทำหน้าที่ได้อย่างโดดเด่น เรียกว่านั่งตรงไหนก็เย็นฉ่ำกันเลยทีเดียว
บทสรุปหลังจากที่ได้ลองสัมผัสกับ ALL NEW SUZUKI XL7 ก็คือความรู้สึกถึงความคุ้มค่าโดยเบื้องต้นมาจากคุณสมบัติของตัวรถ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย บรรทุกคนได้เยอะ หรือบรรทุกสิ่งของก็ทำได้มาก อุปกรณ์ต่างๆ ก็ให้มาแบบครบถ้วนตามที่ต้องใช้งานจริง ไม่ได้ให้มาแบบล้นๆ แต่หลายสิ่งไม่จำเป็นต้องใช้ ซึ่งมันก็จะเป็นเหตุที่ทำให้มีราคาสูงเกินไป แต่ XL7 นั้นมีออฟชั่นมาแบบพอดีตามความต้องการในราคาที่เหมาะสม
ถ้าถามว่ามีสิ่งที่ไม่ชอบหรือจุดที่จะติไหม แน่นอนว่ารถทุกคันน่าจะมีอะไรที่ติกันได้หมด ซึ่ง XL7 โดยส่วนตัวก็ยังมีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่ขัดสายตาอยู่ เช่น วัสดุที่เอามาใช้ในบางส่วน หรือกระจกมองหลังที่ไม่ยอมให้ตัวปรับตัดแสงมา (จุดนี้คิดว่าจำเป็นมาก) แต่เมื่อมองภาพโดยรวม และราคาที่เค้าตั้งไว้ ก็สามารถทำให้มองข้ามจุดด้อยเล็กๆ น้อยๆ ไปได้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะว่าการทำงานสไตล์ซูซูกิในประเทศไทย พอได้คอมเมนท์ไปแล้ว เดี๋ยวก็จะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
แถมท้ายให้อีกนิดสำหรับใครที่คิดว่า ALL NEW SUZUKI XL7 คือการนำ SUZUKI ERTIGA มายกสูงและปรับหน้าตาอีกนิดหน่อย บอกเลยว่าคิดผิดนะครับ เพราะ XL7 มีการปรับจาก ERTIGA ไปเยอะมาก แม้จะมีพื้นฐานเหมือนกันก็ตาม
สำหรับใครที่ต้องการรถอเนกประสงค์ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย และสามารถลุยแบบเบาๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะน้ำท่วมหรือทางที่ไม่เหมือนถนนปกติซะเท่าไหร่ ก็ถือว่า ALL NEW SUZUKI XL7 นั้นฉายแสงแห่งความโดดเด่นอยู่พอสมควร ที่สำคัญกับราคาที่ตั้งไว้ 779,000 บาท ก็น่าจะเป็นตัวเลขระดับแม่เหล็ก ที่น่าจะดึงดูดใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว